MIT พัฒนารอยสักเปลี่ยนสีได้ตามระดับน้ำตาลในเลือดหรือสารอื่นในร่างกาย

ความน่าเบื่อและทุกข์ทนจากการที่ต้องเจาะเลือดเพื่อเช็คระดับน้ำตาลในเลือดวันละหลายครั้งของคนเป็นโรคเบาหวานคงจะบรรเทาเบาบางลงไปถ้าสิ่งที่นักวิจัยที่ MIT กำลังพัฒนาถูกนำมาใช้ได้จริง นั่นคือรอยสักที่เปลี่ยนสีได้ตามระดับน้ำตาลในเลือดหรือสารอื่นในร่างกาย

ทีมวิจัยจากโครงการ DermalAbyss ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจาก MIT กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้พัฒนาหมึกทำรอยสักชนิดพิเศษ 3 ชนิดที่สามารถเปลี่ยนสีตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของน้ำที่อยู่ระหว่างเซลล์ (interstitial fluid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของร่างกายที่มีอยู่ราว 16% ของน้ำหนักตัว

ที่น่าสนใจที่สุดคือมีหมึกหนึ่งในสามชนิดสามารถวัดระดับน้ำตาลได้ หมึกจะเปลี่ยนสีจากสีฟ้าเป็นสีน้ำตาลเมื่อระดับน้ำตาลสูงขึ้น นี่คงจะถูกใจผู้ป่วยโรคเบาหวานเพราะจะช่วยหลีกเลี่ยงการเจาะเลือดได้

หมึกอีกชนิดหนึ่งสามารถเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีม่วงสัมพันธ์กับระดับความเป็นกรดด่างหรือตามค่า pH ส่วนอีกชนิดที่เหลือสามารถตรวจจับระดับโซเดียมหรือเกลือได้ โดยมันจะเรืองแสงเจิดจ้าภายใต้แสง UV เมื่อมีระดับโซเดียมเพิ่มสูงขึ้น

colour-changing-tattoo-2

“มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจติดตามแบบต่อเนื่อง เช่น การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์, การติดตามข้อมูลของตัวเอง และการเปลี่ยนข้อมูลต่างๆในร่างกายให้เป็นสัญญาณ” ทีมวิจัยกล่าว

สำหรับบางคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีต้องตรวจติดตามด้านโภชนาการอย่างระมัดระวัง หรือแม้กระทั่งคนที่ต้องการแค่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ด้วยรอยสักเปลี่ยนสีได้นี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าท่าและดูเท่ไม่เบา

“คนที่เป็นโรคเบาหวานส่งอีเมล์ถึงเราและบอกว่าพวกเขาต้องการทดลองมัน” Xin Liu หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว

ถ้าคุณต้องการทำรอยสักเปลี่ยนสีได้นี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คงจะต้องรอไปก่อนเพราะมันยังเป็นแค่ขั้นตอนพิสูจน์แนวคิดเท่านั้น นักวิจัยยังต้องทำการทดสอบและทำวิจัยเพิ่มเติมอีกมากมายก่อนที่จะใช้งานได้จริง

ก่อนที่เทคโนโลยีน่าอัศจรรย์ใจนี้จะได้รับอนุมัติให้ใช้กับมนุษย์ได้ มันจะต้องผ่านการทดสอบอีกหลายขั้นตอน คงจะต้องมีการทดสอบกับสัตว์ก่อน หลังจากนั้นถึงจะเป็นการทดสอบกับคน สิ่งที่จะต้องค้นหาคือผลร้ายหรือผลข้างเคียงในทางลบของหมึกและการติดเชื้อ

นอกจากนี้ยังต้องทำให้แน่ใจว่ารอยสักจะเป็นตัวบอกที่แม่นยำมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในด้านการแพทย์คุณอาจจะต้องการให้การเปลี่ยนสีของรอยสักมีความเชื่อถือได้เหมือนกับการตรวจเลือด แต่บอกได้เลยว่ามันยังไม่ถึงขนาดนั้น

“มันคงต้องใช้เวลาอีกนานว่ามันจะใช้งานได้ดีและใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ แต่มันได้กระตุ้นจินตนาการและเปิดช่องทางแห่งความเป็นไปได้” Liu กล่าว

 

 

ข้อมูลและภาพจาก cbsnews, sciencealert

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *