กลุ่มที่สองอยู่ใกล้กับดาวพฤหัสบดีมากที่สุดเรียกว่า Inner satellites หรือ Amalthea group มีทั้งหมด 4 ดวง มีขนาดย่อมลงมาจากกลุ่มแรกแและโคจรไปในทิศทางเดียวกับดาวแม่ สองกลุ่มแรกนี้มีวงโคจรเกือบกลมจัดเป็นดวงจันทร์บริวารปกติ
อีกกลุ่มหนึ่งเป็นวัตถุขนาดเล็กอยู่ห่างออกไปไกลจากดาวพฤหัสบดีและมีวงโคจรที่ค่อนข้างบิดเบี้ยว เรียกว่าเป็นดวงจันทร์บริวารที่ผิดปกติ มีจำนวนมากที่สุด แบ่งเป็นหลายกลุ่มย่อย มีทั้งพวกที่โคจรตามทิศทางการหมุนของดาวแม่ (Prograde Moon) ซึ่งอยู่ใกล้ดาวแม่มากกว่า และพวกที่โคจรในทิศตรงกันข้ามกับดาวแม่ (Retrograde Moon) ซึ่งอยู่ไกลดาวแม่มากที่สุด
ดวงจันทร์ที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้เป็นพวก Prograde จำนวน 2 ดวง มีคาบการโคจรรอบดาวแม่เกือบ 1 ปี มีระยะห่างจากดาวพฤหัสบดีและมุมของระนาบการโคจรคล้ายกับดวงจันทร์อื่นในกลุ่มนี้ซึ่งโดยรวมเชื่อกันว่าเป็นเศษที่เหลือของดวงจันทร์ดวงใหญ่ดวงหนึ่งที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
มีดวงจันทร์ใหม่อีก 9 ดวงซึ่งอยู่ห่างออกไปอยู่ในกลุ่ม Retrograde มีคาบการโคจรรอบดาวแม่ทุก 2 ปีหรือมากกว่า ดวงจันทร์ในกลุ่มนี้เชื่อกันว่ามาจากดวงจันทร์ใหญ่ 3 ดวงชนกัน
ดวงจันทร์ใหม่ดวงสุดท้ายไม่สามารถจัดเข้ากลุ่มใดได้เนื่องจากความประหลาดในวงโคจรของมัน มันมีทิศทางการโคจรตามดาวแม่เหมือนกับพวก Prograde แต่ตำแหน่งวงโคจรดันอยู่ห่างออกไปรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวก Retrograde หมายความว่ามันกำลังโคจรสวนทางอยู่ในแนวรัศมีการโคจรของพวก Retrograde ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะโดนชนโดยดวงจันทร์อื่นที่กำลังโคจรสวนทางมา
“มันช่างประหลาดจริงๆและวงโคจรของมันก็ไม่เหมือนกับดวงจันทร์บริวารอื่นเลย มันยังเป็นดาวบริวารของดาวพฤหัสบดีที่เล็กที่สุดอีกด้วย มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 1 กิโลเมตร” Scott Sheppard หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว “วงโคจรของมันจัดว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง การชนแบบประสานงากันที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นจะทำให้มันแตกออกอย่างรวดเร็วและบดขยี้มันให้กลายเป็นผุยผง”
ทีมวิจัยบอกว่าการชนกันแบบนี้ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอาจเป็นสาเหตุให้มีดวงจันทร์กลุ่มต่างๆที่เราได้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ดวงจันทร์ใหม่ที่แปลกประหลาดดวงนี้มีชื่อเบื้องต้นว่า Valetudo ตามชื่อเทพธิดาโรมัน มันมีคาบการโคจรรอบดาวแม่ราว 18 เดือน
การค้นพบดวงจันทร์ใหม่ 12 ดวงนี้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2017 เมื่อดาวพฤหัสเข้ามาปรากฏในการสังเกตการณ์ของทีมนักดาราศาสตร์ที่กำลังมองหาดาวเคราะห์ดวงที่ 9 (Planet Nine) อยู่ที่บริเวณขอบระบบสุริยะ ถือเป็นการค้นพบโดยบังเอิญและเป็นการขโมยซีนจากดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ไปซะเลย
ข้อมูลและภาพจาก carnegiescience.edu, newatlas