1. David
ศิลปิน | ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี |
ปีที่สร้าง | ค.ศ. 1501-1504 |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | 517 x 199 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์ Galleria dell’Accademia, ฟลอเรนซ์ |
2. Venus de Milo
ศิลปิน | Alexandros of Antioch ชาวกรีก |
ปีที่สร้าง | 150-125 ปีก่อนคริสต์ศักราช |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | สูง 204 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส |
3. The Thinker
ศิลปิน | โอกุสต์ รอแด็ง ชาวฝรั่งเศส |
ปีที่สร้าง | ค.ศ. 1906 |
วัสดุ | สำริด |
ขนาด | 180 x 98 x 145 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์รอแด็ง, ปารีส |
4. Pietà
ศิลปิน | ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี |
ปีที่สร้าง | ค.ศ. 1498-1499 |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | 174 × 195 ซม. |
สถานที่ | มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์, นครวาติกัน |
Pietà เป็นงานแกะสลักหินอ่อนรูปพระแม่มารีใบหน้าเศร้าหมองกำลังประคองร่างของพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากกางเขน ไมเคิลแองเจโลใช้เวลาราวสองปีสร้างผลงานที่งดงามอย่างยิ่งและสมจริงทุกรายละเอียด สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ได้ชมเป็นอย่างมาก เป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นแรกที่เขาทำสำเร็จด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น และยังเป็นผลงานชิ้นเดียวของไมเคิลแองเจโลที่เขาได้ลงชื่อไว้บนชิ้นงาน Pietà เป็นหนึ่งในงานประติมากรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ปัจจุบันเก็บรักษาที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกัน เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชมมหาวิหารแห่งนี้อย่างคับคั่งตลอดทั้งปี
5. Bronze David
ศิลปิน | โดนาเตลโล ชาวอิตาลี |
ปีที่สร้าง | ราวช่วงทศวรรษ 1440s |
วัสดุ | สำริด |
ขนาด | 158 × 51 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณท์ National Museum of Bargello, ฟลอเรนซ์ |
Bronze David เป็นรูปหล่อสำริดท่ายืนแบบอิสระไม่มีการค้ำยันใดๆชิ้นแรกที่สร้างขึ้นในยุคเรอเนสซองส์ โดยฝีมือของโดนาเตลโลที่เป็นสุดยอดประติมากรแห่งยุคอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากงานปั้นงานหล่อที่ทำออกมาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว ผลงานชิ้นนี้ยังมีเสน่ห์ตรงท่าทางการยืนถือดาบเท้าสะเอวและจ้องมองไปที่ศีรษะของโกไลแอทที่ใต้อุ้งเท้าพร้อมกับรอยยิ้มอันลึกลับที่สื่ออารมณ์ได้สมจริง รวมทั้งการสวมหมวกและรองเท้าบูทที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการสวมพวงมาลัยบนศีรษะซึ่งโดนาเตลโลนำมาจากวัฒนธรรมโรมันโบราณเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงชัยชนะอีกด้วย นับเป็นผลงานที่งดงามมีชีวิตชีวาน่าชมอย่างยิ่ง รูปหล่อสำริด David ของโดนาเตลโลได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์
6. Laocoön and His Sons
ศิลปิน | Agesander, Athenodoros และ Polydorus ชาวกรีก |
ปีที่สร้าง | ราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | 208 × 163 × 112 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณท์แห่งวาติกัน, นครวาติกัน |
Laocoön and His Sons เป็นประติมากรรมหินอ่อนจากยุคกรีกโบราณสร้างขึ้นเมื่อราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราชโดยประติมากรสามคนคือ Agesander, Athenodoros และ Polydorus ถูกค้นพบในไร่องุ่นของชาวโรมันเมื่อปี 1506 แล้วถูกนำไปเก็บไว้ในนครรัฐวาติกันจนถึงทุกวันนี้ รูปปั้นแสดงฉากเหตุการณ์ที่นักบวชโทรจัน Laocoön และลูกชายของเขา Antiphantes และ Thymbraeus กำลังถูกโจมตีโดยงูทะเลที่ส่งมาจากพระเจ้า ผลงานชิ้นนี้มีความโดดเด่นที่ความสมจริงของรูปร่าง การแสดงออกทางสีหน้า และท่วงท่าการเคลื่อนไหวของร่างกายที่พยายามปลดปล่อยตัวเองจากการรัดพันของงูยักษ์ ถือเป็นหนึ่งในสามของประติมากรรมหินอ่อนยุคกรีกโบราณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
7. Apollo and Daphne
ศิลปิน | จีอัน โลเรนโซ แบร์นินี ชาวอิตาลี |
ปีที่สร้าง | ค.ศ. 1622-1625 |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | สูง 243 ซม. |
สถานที่ | หอศิลป์ Galleria Borghese, โรม |
Apollo and Daphne เป็นประติมากรรมหินอ่อนสไตล์บาโรกขนาดเท่าของจริงโดยจีอัน โลเรนโซ แบร์นินี ศิลปินเลื่องชื่อชาวอิตาลีผู้พัฒนางานประติมากรรมสไตล์บาโรกให้ดูมีชีวิตชีวาด้วยท่วงท่าและการแสดงอารมณ์ที่สมจริง ประติมากรรมชิ้นนี้สร้างขึ้นตามตำนานกรีกโบราณจากเรื่องราวของเทพอะพอลโลที่หลงรักและตามติดพันนางไม้แดฟเน่ ผลงานชิ้นนี้โดดเด่นด้วยรูปร่างทรวดทรงที่สง่างามขององค์เทพทั้งสองและลักษณะที่แดฟเน่กำลังกลายร่างเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นต้นไม้ ประติมากรรม Apollo and Daphne ได้รับการยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่นแห่งยุคบาโรก
8. Psyche Revived by Cupid’s Kiss
ศิลปิน | อันโตนิโอ คาโนวา ชาวอิตาลี |
ปีที่สร้าง | ค.ศ. 1787– 1793 |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | 155 × 168 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส |
ประติมากรรมหินอ่อน Psyche Revived by Cupid’s Kiss เป็นผลงานของอันโตนิโอ คาโนวาประติมากรผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนีโอคลาสสิก สร้างขึ้นจากวรรณกรรมกรีกโบราณเรื่อง The Golden Ass คาโนวาแกะสลักหินอ่อนถ่ายทอดโมเมนต์แสนโรแมนติกที่คิวปิดกำลังประคองกอดไซคีที่เพิ่งฟื้นจากมนตร์แห่งความหลับใหลด้วยจุมพิตของเขาอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักออกมาได้งดงามมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ผลงานนี้ไม่เพียงได้รับการยกย่องเป็นประติมากรรมชิ้นเอกแห่งยุคนีโอคลาสสิก แต่ยังถือเป็นพัฒนาการแห่งศิลปะแบบโรแมนติกอีกด้วย
9. Winged Victory of Samothrace
ศิลปิน | – |
ปีที่สร้าง | 220-185 ปีก่อนคริสต์ศักราช |
วัสดุ | หินอ่อน |
ขนาด | สูง 244 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส |
Winged Victory of Samothrace หรือ Nike of Samothrace เป็นประติมากรรมหินอ่อนรูปไนกีเทพีแห่งชัยชนะของกรีก ไม่แน่ชัดว่าสร้างโดยฝีมือของผู้ใดรวมทั้งปีที่สร้างด้วย แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าสร้างในราว 220-185 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถูกขุดพบโดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสที่เกาะ Samothrace เมื่อปี 1863 แม้ว่ารูปปั้นของเทพีไนกีจะไม่มีศีรษะและแขนทั้งสองข้างแต่ยังคงความงดงามด้วยฝีมือการแกะสลักที่ประณีตวิจิตรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่ดูเหมือนถูกลมแรงพัดจนแนบติดร่างกายด้านหน้าและปลิวพริ้วไสวไปทางด้านหลัง Winged Victory of Samothrace จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตั้งแต่ปี 1884 จนถึงปัจจุบัน
10. Bust of Nefertiti
ศิลปิน | Thutmose ชาวอียิปต์ |
ปีที่สร้าง | 1345 ปีก่อนคริสต์ศักราช |
วัสดุ | หินปูนเคลือบปูนปั้น |
ขนาด | สูง 48 ซม. |
สถานที่ | พิพิธภัณฑ์นอยเอส, เบอร์ลิน |
รูปปั้นครึ่งตัวของเนเฟอร์ติติราชินีคนสำคัญของอียิปต์โบราณสร้างขึ้นจากหินปูนเคลือบปูนปั้นย้อมสีโดยประติมากรชาวอียิปต์ Thutmose เมื่อ 1345 ปีก่อนคริสต์ศักราชหรือกว่า 3,300 ปีมาแล้ว ขุดพบโดยทีมนักโบราณคดีชาวเยอรมันที่แหล่งโบราณคดี Amarna ในประเทศอียิปต์เมื่อปี 1912 และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่หลายแห่งในประเทศเยอรมัน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นอยเอสในกรุงเบอร์ลิน ประติมากรรมอียิปต์โบราณชิ้นนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่มีความประณีตละเอียดอ่อนและสง่างามอย่างยิ่ง และยังถูกเรียกว่า “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” มานานหลายศตวรรษ นับตั้งแต่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการที่กรุงเบอร์ลินในปี 1924 ทางการอียิปต์ได้เรียกร้องให้ส่งกลับคืนประเทศอียิปต์มาโดยตลอดแต่ไม่เคยเป็นผล
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, timeout, ranker, learnodo-newtonic