20 สุดยอดภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตลอดกาล

ภาพเขียนชั้นยอดมักจะทำให้คุณลืมหายใจ มันจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือสไตล์การเขียนภาพที่โดดเด่น ภาพเขียนชั้นยอดเหล่านั้นคือประจักษ์พยานของทักษะและความสามารถของเหล่าศิลปินระดับโลก ปาโบล ปิกัสโซกล่าวไว้ว่าเด็กทุกคนเกิดมาเป็นศิลปิน ปัญหาอยู่ที่การรักษาความเป็นศิลปินไว้ในตัวพวกเขา จักรวาลนี้เต็มไปด้วยศิลปะและแรงบันดาลใจ แต่มันจะต้องมีศิลปินที่มีความสามารถและมีความคิดสร้างสรรค์ใช้สีและพู่กันถ่ายทอดความคิด วิสัยทัศน์ และจักรวาลที่สวยงามนี้ให้เป็นภาพเขียน

และต่อไปนี้คือ 20 ภาพเขียนที่ดีที่สุด สวยงามที่สุด และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตลอดกาล

 

1. Mona Lisa

mona-lisa

ศิลปิน เลโอนาร์โด ดา วินชี ชาวอิตาลี
ปีที่เขียน ค.ศ. 1503-1506 อาจจะต่อเนื่องถึง 1517
ประเภท สีน้ำมันบนไม้
ขนาด 77 x 53 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, ปารีส

 

โมนาลิซาเป็นภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตลอดกาล เขียนโดยเลโอนาร์โด ดาวินชีในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เขาเริ่มเขียนภาพโมนาลิซาในปี 1503 หรือ 1504 และทำเสร็จไม่นานก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1519 ภาพเขียนตั้งชื่อตาม Lisa del Giocondo ซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวที่มั่งคั่งแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ในปี 1911 โมนาลิซาถูกขโมยออกไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์โดยลูกจ้างที่ชื่อ Vincenzo Peruggia ผู้รักชาติชาวอิตาลีที่เชื่อว่าโมนาลิซาควรจะกลับไปอยู่ที่อิตาลี หลังจากที่เก็บภาพไว้ในอพาร์ตเมนต์ของเขาเป็นเวลาสองปี Peruggia ก็ถูกจับได้ในที่สุด เมื่อเขาพยายามจะขายภาพให้แก่กรรมการของหอศิลป์อุฟฟิซิ (Uffizi Gallery) ในเมืองฟลอเรนซ์ ทุกวันนี้โมนาลิซาถูกนำมาแสดงอีกครั้งที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในกรุงปารีส ที่ซึ่งมีคนแห่มาชมภาพนี้กันถึง 6 ล้านคนในแต่ละปี

 

2. Starry Night

starry-night

ศิลปิน วินเซนต์ แวน โก๊ะ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1889
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 73.7 × 92.1 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่, นิวยอร์ก

 

ภาพ “ราตรีประดับดาว” นี้เขียนโดยศิลปินชาวดัตช์ วินเซนต์ แวน โก๊ะ  แม้ว่าแวน โก๊ะจะขายภาพเขียนได้เพียงภาพเดียวในชีวิตของเขา แต่ผลพวงจากงานของเขานั้นยิ่งใหญ่มาก Starry Night เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา และได้กลายเป็นหนึ่งในภาพที่รู้จักกันดีที่สุดในวัฒนธรรมสมัยใหม่ ภาพเขียนแสดงให้เห็นหมู่บ้าน Saint-Rémy ภายใต้ท้องฟ้าที่หมุนวน ในมุมมองจากที่หลบภัยไปทางทิศเหนือ ต้นไซปรัสทางด้านซ้ายถูกเพิ่มเข้าไปในองค์ประกอบ ภาพนี้ถูกเก็บไว้อย่างถาวรที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในกรุงนิวยอร์ก ตั้งแต่ปี 1941

 

3. The Last Supper

last-supper

ศิลปิน เลโอนาร์โด ดา วินชี ชาวอิตาลี
ปีที่เขียน ค.ศ. 1495-1498
ประเภท สีฝุ่นเทมเพอราบนผนังที่ทารองพื้นสองชั้น
ขนาด 460 x 880 ซม.
สถานที่ โบสถ์ Santa Maria Delle Grazie, มิลาน

 

ภาพพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายเป็นจิตรกรรมฝาผนังศตวรรษที่ 15 เขียนขึ้นโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ผนังด้านหลังของโรงอาหารในโบสถ์ Santa Maria Delle Grazie ในเมืองมิลาน เป็นภาพแสดงเหตุการณ์พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูประกาศว่าหนึ่งในสิบสองอัครสาวกจะทรยศพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปตรึงกางเขน ดา วินชีเริ่มเขียนภาพพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายในปี 1495 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1498 แต่เขาไม่ได้เขียนภาพอย่างต่อเนื่อง นักเขียนบางคนเสนอว่าคนในภาพเขียนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของพระเยซูคือแมรี แม็กดาเลน มากกว่าจะเป็นอัครสาวกจอห์นที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะส่วนใหญ่ระบุ ทฤษฎีที่โด่งดังนี้เป็นหัวข้อในหนังสือ The Templar Revelation (1997) และมีบทบาทสำคัญในนวนิยายของแดนบราวน์เรื่อง The Da Vinci Code (2003)

 

4. The Creation Of Adam

creation-of-adam

ศิลปิน ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี
ปีที่เขียน ค.ศ. 1508 – 1512
ประเภท ภาพปูนเปียก
ขนาด 280 x 570 ซม.
สถานที่ โบสถ์น้อยซิสทีน, วาติกัน

 

ภาพนี้อยู่บนเพดานของโบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel) ภายในกรุงวาติกัน เขียนโดยไมเคิลแองเจโล ระหว่างปี 1508 ถึง 1512 เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เพดานโบสถ์ตกแต่งด้วยภาพเขียนเหตุการณ์จากพระคัมภีร์ปฐมกาล 9 ภาพ The Creation Of Adam คือภาพที่อยู่ตรงกลาง The Creation Of Adam เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล และถูกล้อเลียนมากมายนับไม่ถ้วน

 

5. The Scream

scream

ศิลปิน เอ็ดเวิร์ด มุงค์ ชาวนอร์เวย์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1893
ประเภท สีน้ำมัน สีฝุ่น สีชอล์ก บนกระดาษแข็ง
ขนาด 91 x 73.5 ซม.
สถานที่ หอศิลปะแห่งชาติ, ออสโล

 

The Scream เป็นชุดของภาพเขียนแบบเอ็กซเพรสชันนิสม์และภาพพิมพ์โดยเอ็ดเวิร์ด มุงค์ ศิลปินชาวนอร์เวย์ แสดงภาพคนที่ทุกข์ทรมานตัดกับท้องฟ้าสีแดงเลือด ภูมิทัศน์พื้นหลังของภาพเป็นอ่าว Oslofjord มองจากเนินเขา Ekeberg ในเมืองออสโล เอ็ดเวิร์ด มุงค์ได้สร้าง The Scream หลายเวอร์ชั่นในสื่อต่างๆ ภาพข้างบนถูกเขียนขึ้นในปี 1893 และจัดแสดงอยู่ในหอศิลปะแห่งชาตินอร์เวย์ มันถูกขโมยในปี 1994 แต่ได้คืนในอีกหลายเดือนต่อมา ในปี 2004 The Scream อีกเวอร์ชันหนึ่งถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์ Munch และได้คืนในปี 2006

 

6. The Persistence Of Memory

persistence-of-memory

ศิลปิน ซัลบาโด ดาลี ชาวสเปน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1931
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 24 x 33 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่, นิวยอร์ก

 

The Persistence Of Memory งานศิลปะแบบเหนือจริงชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 1931 โดยซัลบาโด ดาลี ศิลปินชาวสเปน ภาพแสดงแนวชายฝั่งที่ดูหดหู่ ห้อยประดับไปด้วยนาฬิกาพกที่กำลังหลอมละลาย เชื่อว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์มีแรงบันดาลใจต่อผลงานที่แปลกประหลาดชิ้นนี้ The Persistence Of Memory เป็นหนึ่งในผลงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและได้รับการจดจำมากที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์

 

7. Girl With A Pearl Earring

girl-with-the-pearl-earring

ศิลปิน โยฮัน เฟอร์เมร์ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1665
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 44.5 x 39 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑสถานศิลปะเมาริตส์เฮยส์, กรุงเฮก

 

บางคนเรียกภาพนี้ว่า “โมนาลิซาของชาวดัตช์” Girl With A Pearl Earring ถูกเขียนโดยโยฮัน เฟอร์เมร์  เรารู้เกี่ยวกับเฟอร์เมและผลงานของเขาน้อยมาก และภาพนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น มันไม่ได้ลงวันที่และไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นงานที่รับจ้างเขียนหรือไม่ และถ้าใช่ แล้วใครเป็นผู้จ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ภาพนี้มิได้จงใจจะให้เป็นภาพเหมือนธรรมดา Tracy Chevalier ได้เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในปี 1999 โดยสร้างตัวละคร สิ่งแวดล้อม และเหตุการณ์ต่างๆที่นำมาสู่การเขียนภาพนี้ ต่อมานวนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ในปี 2003 สการ์เลตต์ โจแฮนส์สันรับบทเป็นผู้ช่วยของโยฮัน เฟอร์เมและนั่งเป็นแบบให้ขณะที่ใส่ต่างหูมุก

 

8. The Night Watch

night-watch

ศิลปิน แร็มบรันต์ ฟัน ไรน์ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1889
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 363 x 437 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม, อัมสเตอร์ดัม

 

ภาพนี้เขียนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1642 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของยุคทองของชาวดัตช์ The Night Watch เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่เขียนโดยแรมบรันต์ จิตรกรชาวดัตช์ ภาพแสดงให้เห็นหน่วยทหารยามของเมืองที่กำลังเคลื่อนพลออกมา นำโดยกัปตันฟรันส์ บันนิง โกก และผู้ช่วยของเขา ภาพเขียนถูกเคลือบด้วยน้ำมันวานิชสีเข้มซึ่งทำให้เห็นว่ามันเป็นฉากเวลากลางคืนซึ่งเป็นที่มาของชื่อ The Night Watch นั่นเอง น้ำมันวานิชนี้ถูกลบออกไปในช่วงทศวรรษ 1940s ภาพนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในอัมสเตอร์ดัม

 

9. Self-Portrait Without Beard

self-portrait-without-beard

ศิลปิน วินเซนต์ แวน โก๊ะ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1889
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 65 x 54 ซม.
สถานที่ นักสะสมส่วนตัว

 

ภาพ Self-Portrait Without Beard เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล แวน โก๊ะ ได้เขียนภาพเหมือนของเขาไว้จำนวนมาก Self-Portrait Without Beard อาจจะเป็นภาพเหมือนภาพสุดท้ายของเขา  และที่มันมีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นเพราะมันเป็นหนึ่งในไม่กี่ภาพที่แสดงตัวเขาแบบไม่มีเครา ภาพนี้ถูกขายไปในราคา 71.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1998 ที่นิวยอร์ก ณ ขณะนั้นมันเป็นภาพที่มีราคาแพงที่สุดอันดับ 3

 

10. Guernica

guernica

ศิลปิน ปาโบล ปิกัสโซ ชาวสเปน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1937
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 349 x 776 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ Reina Sofia, มาดริด

 

Guernica เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของปาโบล ปิกัสโซ แสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมของสงครามและความทุกข์ทรมานที่จะกระทบถึงแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ วัตถุประสงค์ของปิกัสโซในการเขียนภาพคือนำความสนใจของผู้คนในโลกไปยังการทิ้งระเบิดที่เมือง Guernica แคว้นบาสก์โดยเครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมัน ที่ให้การสนับสนุนกองกำลังต่างชาติของนายพลฟรังโกในระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน ภาพ Guernica จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Reina Sofia ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน

 

11. Birth of Venus

birth-of-venus

ศิลปิน ซานโดร บอตติเชลลี ชาวอิตาลี
ปีที่เขียน ค.ศ. 1486
ประเภท สีฝุ่นเทมเพอราบนผ้าใบ
ขนาด 172.5 x 278.9 ซม.
สถานที่ หอศิลป์อุฟฟิซิ, ฟลอเรนซ์

 

ภาพ Birth of Venus ซึ่งซานโดร บอตติเชลลีได้รับแรงบันดาลใจจากถ้อยคำในบทสวดสมัยกรีกโบราณ เป็นภาพของเทพีวีนัสยืนบนเปลือกหอยที่ลอยมาจากทะเลมาเกยฝั่งจากการถูกเป่ามาโดยเซไฟรัส(Zephyrus) ผู้เป็นเทพแห่งลมตะวันตกและเป็นสัญลักษณ์ของความใคร่ โดยมีเทพีโฮแร (Horae) ซึ่งเป็นเทพีแห่งฤดูมารออยู่และยื่นมอบเสื้อคลุมลายดอกไม้ให้ ปัจจุบันภาพ Birth of Venus จัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟิซิ ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

 

12. Water Lilies

water-lilies

ศิลปิน โกลด มอแน ชาวฝรั่งเศส
ปีที่เขียน ค.ศ. 1906
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 89.9 x 94.1 ซม.
สถานที่ สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก, ชิคาโก

 

จิตรกรชาวฝรั่งเศส โกลด มอแน เขียนภาพชุดในชื่อ Water Lilies ในระหว่างปี 1883-1926 ไว้เป็นจำนวนมากถึงราว 250 ชิ้น เป็นภาพของสระบัวและสวนดอกไม้ที่สวนหลังบ้านของเขาเองที่จิแวร์นี (Giverny) แคว้นนอร์มังดี (ห่างจากปารีสราว 80 กม.ทางตะวันตกเฉียงเหนือ) และมีภาพจำนวนไม่น้อยที่เขาเขียนในขณะที่ตาของเขาเป็นต้อกระจก ภาพเขียน Water Lilies ได้จัดแสดงไว้ตามพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงต่างๆทั่วโลก ภาพข้างบนจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก ในเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

13. Dance at Le moulin de la Galette

dance-at-le-moulin-de-la-galette

ศิลปิน ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ ชาวฝรั่งเศส
ปีที่เขียน ค.ศ. 1876
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 131 x 175 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์, ปารีส

 

ภาพ Dance at Le moulin de la Galette เป็นภาพเขียนชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของสมัยอิมเพรสชันนิสม์ เป็นภาพบรรยากาศบ่ายวันอาทิตย์ที่พบทั่วไปที่มูแล็งเดอลากาแล็ต เขตมงมาร์ต ในปารีส ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 บ่ายวันอาทิตย์ชนชั้นแรงงานในปารีสนิยมแต่งตัวกันอย่างสวยงามเพื่อออกไปสังสรรค์ เต้นรำ กินของหวาน (galette) กันจนค่ำ งานชิ้นนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับงานชิ้นอื่นๆของปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์ที่เป็นงานแบบศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ซึ่งเป็นภาพที่จับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่งของชีวิตจริง ลักษณะของภาพเป็นการแสดงความสมบูรณ์ของรูปทรง ความอ่อนหวานของฝีแปรง และการแสดงแสงระยับของยามบ่าย เรอนัวร์ได้เขียนภาพเดียวกันนี้อีกภาพหนึ่งแต่มีขนาดเล็กกว่า (78 × 114 เซนติเมตร) ซึ่งมีการประมูลขายออกไปเมื่อปี 1990 ในราคา 78 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนภาพเดิมจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

14. American Gothic

grant-wood-american-gothic

ศิลปิน แกรนท์ วู้ด ชาวอเมริกัน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1930
ประเภท สีน้ำมันบนไม้อัด
ขนาด 78 x 65.3 ซม.
สถานที่ สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก, ชิคาโก

 

ภาพ American Gothic เป็นผลงานของจิตรกรชาวอเมริกัน แกรนท์ วู้ด เขาได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านแบบกอธิคของชาวอเมริกัน เขาตัดสินใจวาดบ้านพร้อมกับคนประเภทที่เขาจินตนาการว่าน่าจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ ในภาพเป็นรูปชาวนายืนอยู่ข้างผู้หญิงที่น่าจะเป็นภรรยาของเขาโดยมีบ้านแบบกอธิคเป็นฉากหลัง เขาให้หมอฟันของเขามาเป็นนายแบบและให้น้องสาว Nan Wood Graham เป็นนางแบบ เมื่อภาพนี้โด่งดังขึ้นบรรดาชาวสวนชาวนาต่างไม่พอใจวู้ดอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าชาวนาในภาพดูเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าและคลั่งศาสนา ส่วนน้องสาวของเขาก็รู้สึกอับอายขายหน้าที่ถูกคนอื่นเข้าใจว่ามีสามีอายุมากกว่าเป็นสองเท่า จึงบอกผู้คนว่า แกรนท์ วู้ด ตั้งใจเขียนภาพของพ่อกับลูกสาวไม่ใช่สามีกับภรรยา ภาพ American Gothic เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่ถูกล้อเลียนมากที่สุด

 

15. The Kiss

kiss

ศิลปิน กุสตาฟ คลิมต์ ชาวออสเตรีย
ปีที่เขียน ค.ศ. 1907-1908
ประเภท สีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบ
ขนาด 180 x 180 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ Belvedere, เวียนนา

 

The Kiss  เป็นภาพเขียนสีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบ เขียนโดยกุสตาฟ คลิมต์ ชาวออสเตรีย อาจจะถือว่าเป็นงานชิ้นสำคัญที่สุดของคลิมต์ เป็นภาพชายและหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เป็นคู่รักที่อยู่ท่ามกลางสีทองหลากหลายที่ตกแต่งอย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ The Kiss เป็นภาพที่วิวัฒนาการมาจากปรัชญายุคปลายศตวรรษที่ 18 เพราะเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นการใช้ชีวิตอันฟุ้งเฟ้อออกมาในภาพอันหวานฉ่ำและยั่วยวนอารมณ์ The Kiss เป็นภาพของแสดงออกอย่างประณีตของคลิมต์ผู้เน้นความยั่วยวนทางอารมณ์ (eroticism) และการปลดปล่อยจากภายใน บางคนกล่าวว่าผู้ที่เป็นแบบในภาพคือตัวคลิมต์เองและเพื่อนของเขา ปัจจุบันภาพ The Kiss จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Belvedere ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

 

16. The Arnolfini Portrait

arnolfini-marriage

ศิลปิน ยัน ฟัน ไอก์ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1434
ประเภท สีน้ำมันบนแผ่นไม้โอ๊ค
ขนาด 82.2 x 60 ซม.
สถานที่ หอศิลป์แห่งชาติ, ลอนดอน

 

ยัน ฟัน ไอก์ จิตรกรชาวดัตช์เขียนภาพ The Arnolfini Portrait ในปี 1434 เชื่อกันว่าเป็นภาพเหมือนของโจวันนี อาร์นอลฟีนี (Giovanni Arnolfini) พ่อค้าจากเมืองลูคคา ในอิตาลีและภรรยา ในห้องที่อาจจะเป็นที่พำนักในเมืองบรูช มณฑลฟลานเดอส์ ประเทศเบลเยียม ที่ถือกันว่าเป็นต้นแบบและมีความซับซ้อนมากที่สุดภาพหนึ่งของจิตรกรรมตะวันตก The Arnolfini Portrait เป็นภาพเขียนที่สวยงามมีมิติน่าประทับใจ จากรายละเอียดต่างๆในภาพโดยเฉพาะการใช้แสงและการสร้างช่องว่างภายในของภาพ สามารถทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเป็นภาพของห้องและผู้ที่อยู่ในห้องนั้นจริงๆ หอศิลป์แห่งชาติแห่งลอนดอนซื้อภาพเขียนนี้ในปี 1842 ด้วยราคาเพียง 600 ปอนด์เท่านั้น

 

17. Olympia

olympia

ศิลปิน เอดัวร์ มาแน ชาวฝรั่งเศส
ปีที่เขียน ค.ศ. 1863
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 130.5 x 190 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์, ปารีส

 

ภาพ Olympia เขียนโดยเอดัวร์ มาแน เป็นภาพผู้หญิงผิวขาวนอนเปลือยอยู่บนเตียง มีสาวใช้ผิวดำกำลังส่งดอกไม้ให้ จัดแสดงครั้งแรกในปี 1865 ที่นิทรรศการศิลปะแห่งปารีส ซึ่งได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเพราะมีหลายคนมองว่าเป็นภาพของโสเภณี ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่าเป็นภาพผู้หญิงเปลือยเพียงอย่างเดียว แต่มีองค์ประกอบหลายอย่างเช่นดอกกล้วยไม้ที่ประดับผม กำไลข้อมือ ต่างหู ผ้าคลุมไหล่ที่เธอนอนทับอยู่ ริบบิ้นสีดำรอบคอที่ตัดกันอย่างมากกับผิวที่ขาวซีด รวมไปถึงรองเท้าแตะที่ต่างก็มีส่วนเพิ่มบรรยากาศยั่วยุกามารมณ์ ในกรุงปารีสช่วงทศวรรษ 1860s คำว่า “Olympia” จะหมายถึงโสเภณี ผู้ที่เป็นแบบให้ภาพนี้คือ Victorine Meurent ซึ่งเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงและเธอยังเป็นจิตรกรด้วย ในปี 1876 ภาพเขียนของเธอได้รับคัดเลือกให้จัดแสดงที่นิทรรศการศิลปะแต่ภาพของมาแนไม่ได้รับเลือก ปัจจุบันภาพ Olympia จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

18. Whistler’s Mother

whistlers-mother

ศิลปิน เจมส์ แม็คนีลล์ วิสต์เลอร์ ชาวอเมริกา
ปีที่เขียน ค.ศ. 1871
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 144.3 x 162.4 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์, ปารีส

 

Whistler’s Mother เป็นชื่อที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการของภาพเขียนสีน้ำมันที่ชื่อ Arrangement in Grey and Black: The Artist’s Mother เขียนโดยเจมส์ แม็คนีลล์ วิสต์เลอร์ จิตรกรชาวอเมริกา ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพเขึยนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของศิลปินชาวอเมริกัน และมักจะถูกเรียกว่าสัญลักษณ์ของอเมริกันหรือโมนาลิซาสมัยวิกตอเรีย แอนนา แม็คนีลล์ วิสต์เลอร์นั่งเป็นแบบให้วิสต์เลอร์เขียนในห้องนั่งเล่นในกรุงลอนดอน ปัจจุบันภาพ Whistler’s Mother จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

19. No.5, 1948

number-5

ศิลปิน แจ็กสัน พอลล็อก ชาวอเมริกัน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1948
ประเภท สีน้ำมันบนไม้อัด
ขนาด 240 x 120 ซม.
สถานที่ นักสะสมส่วนตัว, นิวยอร์ก

 

No.5, 1948 เป็นผลงานของศิลปินชาวอเมริกัน แจ็กสัน พอลล็อก ผู้นำของการเขียนภาพแบบสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม (abstract expressionism) ซึ่งเป็นการทำงานศิลปะโดยการสาด เท หยด สลัดสีลงบนผ้าใบ โดยไม่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบศิลป์หรือแบบแผนใดๆ แต่ปล่อยให้จิตสำนึกเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นนั้น ภาพ No.5 ถูกขายให้กับนักสะสมที่นิวยอร์ก เมื่อปี 2006 ในราคา 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขายภาพเขียนที่มีราคาแพงที่สุดในโลกในขณะนั้น

 

20. Boy with a Pipe

boy-with-a-pipe

ศิลปิน ปาโบล ปิกัสโซ ชาวสเปน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1905
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 100 x 81.3 ซม.
สถานที่ นักสะสมส่วนตัว

 

Boy with a Pipe เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่ปาโบล ปิกัสโซเขียนเมื่อปี 1905 ขณะที่เขามีอายุ 24 ปีซึ่งอยู่ระหว่างยุคสีชมพู (Rose Period) ที่เขานิยมเขียนภาพด้วยโทนสีสดใสเช่นสีชมพูและสีส้ม รวมทั้งเป็นช่วงที่เขากำลังมีคนรักคนแรกด้วย ในภาพเป็นรูปเด็กผู้ชายชาวปารีสถือไปป์ในมือซ้ายและสวมศีรษะด้วยพวงมาลัยดอกไม้ ภาพ Boy with a Pipe ถูกขายให้กับนักสะสมที่นิวยอร์ก เมื่อปี 2004 ในราคา 104.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการซื้อขายภาพเขียนในเวลานั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *