“ชัดเจนว่า Mansa Musa และทรัพยากรทองคำในแอฟริกาตะวันตกมีความสำคัญมากที่สุด” Kathleen Bickford Berzock ภัณฑารักษ์ผู้ดูแลนิทรรศการกล่าว
Bickford Berzock บอกว่านิทรรศการนี้มีจุดประสงค์เพื่อลบล้างภาพพจน์บางอย่างเกี่ยวกับแอฟริกา ทวีปนี้มักจะถูกมองว่าล้าหลังในสายตาของสาธารณชนทั่วไป การรุกรานโดยพวกนักล่าอาณานิคมในเวลาต่อมาได้รีดเอาผู้คนและทรัพยากรของแอฟริกาออกไปพร้อมกับทำลายวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เคยมีมาก่อน
“The Catalan Atlas ได้บอกเรามากมายเกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่ในทุกวันนี้กับประวัติศาสตร์อันยาวนานของการแลกเปลี่ยนและการปฏิสัมพันธ์ในระดับโลก” Bickford Berzock กล่าว “นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้คนเข้าใจประวัติศาสตร์ของแอฟริกาก่อนที่ชาวตะวันตกจะเข้าไปเกี่ยวข้อง”
“มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะมีใครที่ร่ำรวยแบบนั้นได้ในทุกวันนี้” เธอ กล่าว “มันเป็นความร่ำรวยแบบไม่มีขีดจำกัด”
Bickford Berzock ยังบอกด้วยว่าแอฟริกาไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ที่ยุโรปปล้นเอาวัตถุดิบออกมาเท่านั้น มันยังเป็นวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยประติมากรรม สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่นสิ่งหนึ่งที่จัดแสดงอยู่ในนิทรรศการเป็นรูปปั้นคนนั่งทำด้วยทองแดงซึ่งน่าจะนำมาจากเหมืองในยุโรป หรือแม่พิมพ์เหรียญกษาปณ์จากเมือง Tadmekka อาณาจักรมาลียังคงมีร่องรอยของทองคำจากเหรียญดานาร์ซึ่งเป็นเงินที่นิยมใช้ในยุคนั้น
เส้นทางการค้าในยุคนั้นพุ่งออกมาจากแอฟริกาตะวันตกลึกเข้าไปในดินแดนของทะเลทรายซาฮาราและไกลออกไปสู่เอเชียตะวันออกและตะวันออกกลาง เครื่องลายครามจีนถูกค้นพบในแหล่งโบราณคดีสมัยกลางในซาฮารา งาช้างจากทุ่งหญ้าสะวันนาปรากฏในศิลปะของยุโรปยุคกลาง และโลหะ สิ่งทอ เครื่องเทศ และอื่นๆถูกแลกเปลี่ยนสลับไปมาในระยะทางอันยาวไกล
นิทรรศการนี้จะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Block Museum of Art ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2019 แล้วจะย้ายไปแสดงต่อที่พิพิธภัณฑ์ Aga Khan เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2019 ก่อนจะมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian National Museum of African Art ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2020
ข้อมูลและภาพจาก livescience, theartnewspaper