ประติมากรหนุ่มฉายา “นักล่าสมบัติ”
โดนาเตลโล เป็นชาวอิตาลีเกิดเมื่อราวปี 1386 ที่เมืองฟลอเรนซ์ในครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อของเขามีอาชีพทำผ้าขนสัตว์ โดนาเตลโลเริ่มเรียนศิลปะกับช่างทองท้องถิ่น ราวปี 1403 เขาได้เข้าไปฝึกงานในสตูดิโอของ Lorenzo Ghiberti ประติมากรฝีมือดีคนหนึ่งของเมืองฟลอเรนซ์ทำให้เขาได้เรียนรู้งานประติมากรรมในสไตล์โกธิคนานาชาติ (International Gothic) ของ Ghiberti ซึ่งประกอบด้วยเส้นโค้งที่สง่างามและนุ่มนวลเป็นจุดเด่น ผลงานในช่วงแรกของโดนาเตลโลจึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผลงานของ Ghiberti
ต่อมาเขาได้รู้จักกับ Filippo Brunelleschi ที่ภายหลังเป็นสถาปนิกและวิศวกรผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอิตาลี ราวปี 1404 – 1407 ทั้งสองคนร่วมกันไปขุดค้นซากปรักหักพังของกรุงโรมยุคโบราณเพื่อศึกษาศิลปะคลาสสิกจนถูกเรียกเป็นพวกนักล่าสมบัติ ความรู้และประสบการณ์ที่เขาได้รับในคราวนั้นมีส่วนสำคัญในการพลิกโฉมหน้าของศิลปะอิตาลีในศตวรรษที่ 15 และเขายังได้รับอิทธิพลด้านศิลปะโกธิคจาก Brunelleschi อีกด้วย
กลับจากกรุงโรมโดนาเตลโลก็ไปช่วยงาน Ghiberti อยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะเริ่มรับงานของตัวเอง ผลงานชิ้นแรกๆของเขาเป็นรูปปั้นไม้แกะสลัก Santa Croce Crucifix ในปี 1408 โดนาเตลโลได้รับงานสำคัญชิ้นแรกเป็นงานแกะสลักหินอ่อนรูป David ในสไตล์โกธิคซึ่งกำลังได้รับความนิยมและเขาก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับประติมากรหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ เสร็จจากงานสำคัญชิ้นแรกได้ไม่นานเขาก็ได้รับงานใหญ่อีกชิ้นหนึ่งเป็นงานแกะสลักหินอ่อนเช่นกันคือ St. John the Evangelist ซึ่งเป็นรูปปั้นในท่านั่ง โดนาเตลโลใช้เวลา 2 ปีเศษในการสร้างสรรค์งานชิ้นนี้ให้ออกมาวิจิตรงดงามจนกลายเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นสร้างผลงานและชื่อเสียง
พัฒนาสไตล์อันโดดเด่นของตัวเอง
พร้อมๆกับฝีมือที่เพิ่มพูนมากขึ้นโดนาเตลโลได้เริ่มนำเทคนิคของศิลปะคลาสสิกยุคโบราณที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้จากการขุดค้นซากปรักหักพังเมื่อหลายปีก่อนมาปรับใช้ ปี 1411 – 1413 เขาสร้างรูปแกะสลักหินอ่อน Saint Mark ในสไตล์ที่เป็นของตัวเอง ตามมาด้วยรูปปั้น Saint George ที่เป็นหินอ่อนแกะสลักเช่นกันในอีก 2 ปีต่อมา ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ทำให้โดนาเตลโลเริ่มมีชื่อเสียงเลื่องลือในฐานะประติมากรผู้มีเทคนิคใหม่ๆและสร้างสรรค์ผลงานที่มีความโดดเด่นด้านการแสดงอารมณ์บนใบหน้าและท่าทางของร่างกายที่งดงาม
ในช่วง 2 ทศวรรษต่อมาโดนาเตลโลมีผลงานชั้นยอดออกมามากมายและเริ่มมีความหลากหลายในรูปแบบ มีทั้งรูปปั้นเต็มตัวที่เป็นผลงานส่วนใหญ่ซึ่งมีพัฒนาการมากขึ้นเป็นลำดับโดยเฉพาะในด้านการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าและท่าทาง อย่างเช่นรูปปั้น Zuccone และ Putto with Tambourine งานรูปปั้นแบบครึ่งตัวของเขาก็มีความยอดเยี่ยมเช่นกัน เช่น Bust of Niccolo da Uzzano และ Reliquary Bust of Saint Rossore เป็นต้น โดนาเตลโลยังสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมแบบนูนต่ำ (Bas Relief ) ที่ยอดเยี่ยมหลายชิ้น เช่น The Feast of Herod รวมทั้งยังได้ใช้งานประติมากรรมที่เขาเชี่ยวชาญผสานเข้ากับงานสถาปัตยกรรมเพื่อตกแต่งมหาวิหารกลายเป็นผลงานชั้นยอดอีกชิ้นหนึ่งได้แก่ผลงาน Cantoria นอกจากนี้โดนาเตลโลกับ Michelozzo สถาปนิกดังอีกคนได้ร่วมกันสร้างหลุมฝังศพที่งามสง่าของบุคลลสำคัญหลายแห่งและผลงานของเขาก็กลายเป็นต้นแบบให้กับงานสร้างหลุมฝังศพบุคคลสำคัญในยุคต่อมา
ผลงานชิ้นเอกงดงามมีชีวิตชีวาน่าชม
ผู้อุปถัมภ์คนสำคัญของโดนาเตลโลคือ Cosimo de’ Medici ผู้เป็นต้นตระกูล Medici ซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์นานหลายศตวรรษ ราวช่วงทศวรรษ 1430 โดนาเตลโลได้รับการว่าจ้างจาก Cosimo de’ Medici ให้สร้างรูปปั้น David เพื่อประดับในพระราชวัง Palazzo Medici ของเขา โดนาเตลโลเคยสร้างรูปปั้น David มาแล้วครั้งหนึ่งเป็นรูปหินอ่อนแกะสลักในช่วงเริ่มต้นทำงาน แต่คราวนี้เขาสร้างเป็นรูปหล่อด้วยสำริดในสไตล์ที่เขาพัฒนาจนลงตัวสมบูรณ์แบบ และผลงานชิ้นได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา
David เป็นรูปหล่อสำริดท่ายืนแบบอิสระไม่มีการค้ำยันใดๆชิ้นแรกที่สร้างขึ้นในยุคเรอเนสซองส์ นอกจากฝีมืองานปั้นงานหล่อที่ทำออกมาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว ผลงานชิ้นนี้ยังมีเสน่ห์ตรงท่าทางการยืนถือดาบเท้าสะเอวและจ้องมองไปที่ศีรษะของโกไลแอทที่ใต้อุ้งเท้าพร้อมกับรอยยิ้มอันลึกลับที่สื่ออารมณ์ได้สมจริง รวมทั้งการสวมหมวกและรองเท้าบูทที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีการสวมพวงมาลัยบนศีรษะซึ่งโดนาเตลโลนำมาจากวัฒนธรรมโรมันโบราณเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงชัยชนะอีกด้วย นับเป็นผลงานที่งดงามมีชีวิตชีวาน่าชมอย่างยิ่ง รูปหล่อสำริด David ของโดนาเตลโลยังได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกแห่งยุคเรอเนสซองส์
ยอดเยี่ยมทุกประเภทเชี่ยวชาญทุกวัสดุ
ด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือและความสามารถที่หลากหลายทำให้โดนาเตลโลมีโอกาสได้รับงานและสร้างผลงานในหลายเมืองทั่วอิตาลี นอกจากที่ฟลอเรนซ์เมืองบ้านเกิดที่เขารับงานเป็นหลักแล้วยังมีที่กรุงโรม ปราโต และเวนิส ในปี 1443 โดนาเตลโลถูกเรียกตัวไปที่เมืองปาดัวเพื่อสร้างงานชิ้นสำคัญยิ่งใหญ่อีกชิ้นหนึ่งเป็นอนุสาวรีย์บนหลังม้าของ Erasmo da Narni หรือที่รู้จักในชื่อ Gattamelata ทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของอิตาลีในศตวรรษที่ 15 ผลงาน Equestrian Monument of Gattamelata เป็นอนุสาวรีย์บนหลังม้าที่สร้างขึ้นจากสำริดเป็นครั้งแรกนับจากสมัยโบราณและกลายเป็นต้นแบบของการสร้างอนุสาวรีย์บนหลังม้าทั้งในอิตาลีและยุโรปในหลายศตวรรษต่อมา
ที่เมืองปาดัวโดนาเตลโลยังได้สร้างผลงานชั้นยอดไว้อีกชิ้นหนึ่งได้แก่ Crucifix Pudua ซึ่งเป็นรูปหล่อสำริดของพระเยซูขณะถูกตรึงกางเขนที่งดงามอย่างยิ่ง โดนาเตลโลเริ่มต้นสร้างชื่อเสียงด้วยงานแกะสลักรูปปั้นหินอ่อนในสไตล์โกธิคแล้วจึงค่อยนำศิลปะคลาสสิกสมัยโบราณมาพัฒนาจนเป็นสไตล์ของตัวเองที่โดดเด่น ตามมาด้วยการสร้างผลงานในรูปแบบอื่นๆทั้งประติมากรรมแบบนูนต่ำและประติมากรรมแบบนูนสูงโดยใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งไม้ หินอ่อน และสำริด จากนั้นจึงสร้างผลงานระดับสุดยอดเป็นรูปหล่อสำริดที่งดงามสมบูรณ์แบบอีกหลายชิ้น นอกจากนี้เขายังมีผลงานรูปปั้นไม้แกะสลักที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานรูปปั้นไม้ Magdalene Penitent มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง โดนาเตลโลจึงเป็นประติมากรที่มีฝีมือยอดเยี่ยมในทุกสาขาและมีความเชี่ยวชาญในทุกวัสดุอย่างแท้จริง
พออายุมากขึ้นโดนาเตลโลกลับมาอยู่ทีเมืองฟลอเรนซ์และยังคงสร้างผลงานศิลปะของเขาต่อไปแม้อยู่ในวัยเกือบแปดสิบปีแล้ว งานส่วนใหญ่ของเขาจะทำให้กับศาสนจักรและมหาเศรษฐีโดยเฉพาะตระกูล Medici ที่มีมิตรภาพอันดีกับเขามาตลอดชีวิต และผลงานชิ้นเอกชิ้นหลังสุดที่เขาสร้างให้แก่ตระกูล Medici คือรูปหล่อสำริด Judith and Holofernes ช่วงบั้นปลายชีวิตโดนาเตลโลทุ่มเทให้กับงานประติมากรรมแบบนูนต่ำทำด้วยสำริดในโบสถ์ 2 ชิ้นได้แก่ Pulpit of the Resurrection และ Pulpit of the Passion ซึ่งกลายเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปเสียก่อนในปี 1466 มีอายุ 80 ปี
ผลงานสุดล้ำค่าของประติมากรผู้ยิ่งใหญ่
ตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปีของการทำงานโดนาเตลโลได้สร้างผลงานชั้นยอดออกมามากมาย ด้วยความสามารถและฝีมือที่ยอดเยี่ยมบวกกับความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์งานโดยใช้วัสดุเกือบทุกชนิดทำให้ผลงานของเขามีความหลากหลายทั้งประเภทของงานและวัสดุที่ใช้ แต่ผลงานทุกชิ้นทุกรูปแบบล้วนมีความงดงามและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานที่ยอดเยี่ยมของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้
Early Works (1406 – 1420)
Mature Period (1420 – 1450)
Later Years (1450 – 1466)
ก่อนยุคเรอเนสซองส์ศิลปะแบบกอธิคได้รับความนิยมและมีอิทธิพลไปทั่วทวีปยุโรปมานานหลายศตวรรษ โดนาเตลโลเป็นศิลปินคนแรกๆที่ได้พลิกโฉมเปลี่ยนสไตล์นำศิลปะคลาสสิกในยุคโบราณมาพัฒนาสร้างเป็นผลงานประติมากรรมแนวใหม่หลุดพ้นจากศิลปะแบบโกธิคในยุคก่อนหน้า เป็นต้นแบบให้ศิลปะรุ่นหลังพัฒนาต่อเป็นศิลปะยิ่งใหญ่แห่งยุคเรอเนสซองส์ที่เจริญรุ่งเรืองและมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะตะวันตกอย่างยาวนาน เขาจึงได้รับการยกย่องเป็นประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคเรอเนสซองส์ตอนต้น
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, donatello.net, britannica