ฝึกฝีมือหาประสบการณ์จากเหนือจรดใต้
ปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) เป็นชาวดัชต์ เกิดเมื่อราวปี 1525 – 1530 ที่เมือง Breda ทางตอนใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กของเขาแต่ช่วงระหว่างปี 1545 – 1550 เบรอเคิลไปเป็นลูกศิษย์ของ Pieter Coecke van Aelst ศิลปินคนสำคัญที่เป็นทั้งจิตรกร ประติมากร และสถาปนิกแห่งเมืองแอนต์เวิร์ปเมืองใหญ่ทางตอนเหนือของเบลเยียม อาจารย์ของเขาเสียชีวิตไปในช่วงปลายปี 1550 เขาจึงไปทำงานเป็นผู้ช่วยเขียนภาพแท่นบูชาอยู่ที่เมือง Mechelen ใกล้ๆกับแอนต์เวิร์ปอยู่ราวปีหนี่งก่อนจะเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปินอาชีพแห่งเมืองแอนต์เวิร์ปในปี 1551 หลังจากนั้นไม่นานเขาตัดสินใจเดินทางไปหาประสบการณ์ที่อิตาลี
เบรอเคิลเดินทางจากเมืองแอนต์เวิร์ปที่อยู่ตอนเหนือของทวีปยุโรปผ่านฝรั่งเศสไปยังอิตาลี แวะพักอยู่ที่กรุงโรมระยะหนึ่งแล้วเดินทางลงใต้ต่อไปจนสุดแผ่นดินอิตาลีก่อนจะย้อนกลับไปอยู่ที่กรุงโรมอีกครั้ง หลายปีที่เขาเดินทางท่องเที่ยวหาประสบการณ์ในอิตาลีเขาได้เรียนรู้การเขียนภาพแบบอิตาลีที่มีสไตล์และเทคนิคที่แตกต่างกับสไตล์เฟลมิชทางตอนเหนือ เบรอเคิลกลับมาที่เมืองแอนต์เวิร์ปในปี 1555 เข้าทำงานที่สำนักพิมพ์ของ Hieronymus Cock ที่เป็นแหล่งผลิตภาพพิมพ์ชั้นนำของเมืองแอนต์เวิร์ป เบรอเคิลเป็นผู้ออกแบบและวาดภาพร่างต้นฉบับที่จะใช้แกะสลักสำหรับทำภาพพิมพ์ ผลงานชิ้นแรกๆของเบรอเคิลคือภาพ Big Fish Eat Little Fish แต่ในภาพพิมพ์ Cock กลับใส่ชื่อเป็นผลงานของ Hieronymus Bosch จิตรกรชื่อดังในอดีตเพื่อให้ขายดี
นักออกแบบภาพพิมพ์ดังแห่งแอนต์เวิร์ป
ช่วงเริ่มต้นเบรอเคิลออกแบบภาพพิมพ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสียดสีเปรียบเปรยและเรื่องศีลธรรมโดยอาศัยการเลียนแบบสไตล์บางอย่างของ Hieronymus Bosch ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนั้น แต่เพียงไม่นานเขาก็เริ่มสร้างสไตล์ของตัวเองที่แตกต่างออกไปมาก ต่อมาเขาได้ให้ความสำคัญกับภาพภูมิทัศน์มีการเพิ่มองค์ประกอบที่เป็นภูเขา ป่าในชนบท ตลอดจนหมู่บ้านชาวเฟลมิชไปจนถึงภูมิทัศน์ของเมืองที่มีหอคอยและประตูเมืองจนกลายเป็นภาพภูมิทัศน์แบบพาโนรามาที่เรียกว่า Large Landscapes ด้วยลายเส้นที่สวยงามกับความคิดสร้างสรรค์และมุมมองที่กว้างไกลทำให้ผลงานการออกแบบภาพพิมพ์ของเบรอเคิลได้รับความนิยมจน Cock สามารถขายภาพพิมพ์จากผลงานของเบรอเคิลไปทั่วยุโรปจำนวนหลายพันภาพ
เบรอเคิลทำงานอยู่กับสำนักพิมพ์ “House of the Four Winds” ของ Cock ที่เมืองแอนต์เวิร์ปราว 8 ปี โดยเขาได้ออกแบบภาพพิมพ์ให้ Cock ไปมากกว่า 40 ภาพ ช่วงระหว่างที่เขาทำงานให้กับสำนักพิมพ์เบรอเคิลได้เริ่มเขียนภาพควบคู่กันไปด้วย ผลงานภาพเขียนที่โดดเด่นสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นภาพแรกๆคือภาพ Landscape with the Fall of Icarus ปี 1563 เบรอเคิลแต่งงานกับ Mayken Coecke ลูกสาวของ Pieter Coecke van Aelst ผู้เป็นอาจารย์ที่กรุงบรัสเซลส์แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวร พอมาอยู่ที่บรัสเซลล์เขาก็เปลี่ยนมาเขียนภาพเป็นหลักแต่เส้นทางงานออกแบบภาพพิมพ์ของเขาก็ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นี้เพราะเขายังคงออกแบบภาพส่งให้ Cock ไปทำภาพพิมพ์อยู่อย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิตเพียงแต่ว่ามีจำนวนลดลงไปไม่มากเท่าตอนที่ทำประจำอยู่ที่แอนต์เวิร์ป
บุกเบิกพัฒนาสไตล์เขียนภาพของตัวเอง
ในช่วงเวลาที่เบรอเคิลมีชีวิตอยู่นั้นงานศิลปะถูกใช้เพื่อการยกย่องเชิดชูเทพเจ้าและสร้างศรัทธาในศาสนาเป็นหลัก ดังนั้นภาพเขียนส่วนใหญ่จึงถูกนำเสนอวนเวียนอยู่กับเรื่องราวที่เกี่ยวกับเทพเจ้าและศาสนาหรือไม่ก็เป็นภาพบุคคล (Portrait) ขณะที่เบรอเคิลซึ่งสร้างผลงานภาพเขียนควบคู่กับการออกแบบภาพพิมพ์มาโดยตลอดนั้นชื่นชอบการเขียนภาพภูมิทัศน์เป็นพิเศษโดยเฉพาะภาพภูมิทัศน์แบบพาโนรามา ดังนั้นภาพเขียนในช่วงแรกของเขาจึงเป็นภาพภูมิทัศน์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับตำนานเทพเจ้าหรือศาสนา และนั่นคือที่มาของผลงานอันยอดเยี่ยมในช่วงแรกของเขาหลายชิ้นได้แก่ภาพ Landscape with the Fall of Icarus, The Triumph of Death และ The Tower of Babel
ภาพเขียนอีกแนวหนึ่งที่เบรอเคิลชอบเขียนคือภาพที่เกี่ยวกับคำสอนและประเพณีของชาวเนเธอร์แลนด์ซึ่งมักจะเป็นภาพมุมกว้างมองจากที่สูงแสดงผู้คนจำนวนมากที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ และเบรอเคิลซึ่งช่ำชองจากการออกแบบภาพพิมพ์ในธีมแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้วก็สามารถเขียนภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผลงานเด่นของภาพแนวในแนวนี้ได้แก่ภาพ Netherlandish Proverbs, The Fight Between Carnival and Lent และ Children’s Games เบรอเคิลพัฒนาภาพเขียนของเขาต่อไปเป็นการนำเสนอภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวชนบทกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจหลายอย่างในชุมชนนำไปสู่ผลงานอันชั้นยอดอีกแนวหนึ่ง เช่น ภาพ The Peasant Wedding, The Wedding Dance และ The Peasant Dance เป็นต้น ผลงานเหล่านี้เป็นภาพเขียนที่ยอดเยี่ยมและกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกอย่างหนึ่งนอกเหนือจากภาพภูมิทัศน์
ผลงานชิ้นเอกภาพวิถีชาวบ้านกับฤดูกาล
ปี 1565 เบรอเคิลเขียนภาพชุด Months of the Year หรือ The Seasons แสดงภาพกิจกรรมในชนบทที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนซึ่งเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศและฤดูกาล ประเทศแถบเนเธอร์แลนด์ในช่วงศตวรรษที่ 16 ยังมีการแบ่งฤดูกาลออกเป็น 6 ฤดู ภาพเขียนชุดนี้มีทั้งหมด 6 ภาพเพื่อเป็นตัวแทนของแต่ละฤดูแต่เหลือรอดถึงปัจจุบันเพียง 5 ภาพประกอบด้วยภาพ The Hunters in the Snow, The Gloomy Day, The Hay Harvest, The Harvesters และ The Return of the Herd ภาพชุดนี้เป็นการรวมจุดเด่นในการเขียนภาพของเบรอเคิลสองอย่างเข้าด้วยกันนั่นคือภาพภูมิทัศน์และภาพวิถีชีวิตชาวชนบท แต่ละภาพแสดงการทำกิจกรรมสำคัญของชาวบ้านในช่วงเดือนหรือฤดูนั้นของปีท่ามกลางสภาพภูมิอากาศและภูมิทัศน์อันสวยงามที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาลในช่วงเวลานั้น
ภาพ The Hunters in the Snow หนึ่งในภาพเขียนชุดนี้ซึ่งเป็นตัวแทนของฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม – มกราคมแสดงฉากของวันที่สงบเย็นและมืดครึ้มในฤดูหนาวมีนักล่าสัตว์ 3 คนที่กำลังกลับมาจากการสำรวจอันน่าผิดหวังพร้อมกับบรรดาสุนัขของพวกเขา ขณะที่มีผู้ใหญ่และเด็กหลายคนกำลังเตรียมอาหารอยู่นอกที่พัก บนพื้นราบก้นหุบเขาที่กลายเป็นน้ำแข็งมีคนกำลังเล่นสเก็ตและฮ็อกกี้น้ำแข็งกันอย่างสนุกสนาน ไกลออกไปมีภูเขายอดแหลมขรุขระซึ่งไม่มีอยู่จริงในเบลเยียมหรือฮอลแลนด์ เบรอเคิลเขียนภาพที่มีองค์ประกอบมากมายนี้อย่างละเอียดประณีตสะท้อนภาพบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวชนบทออกมาได้อย่างโดดเด่นและงดงามน่าประทับใจอย่างยิ่ง ภาพนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเบรอเคิลและเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากที่สุด รวมทั้งได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในวัฒนธรรมตะวันตก
ต้นตระกูลจิตรกรที่สืบทอดข้ามศตวรรษ
เบรอเคิลเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในยุคของเขา ผลงานของเขาได้รับการยกย่องและเป็นที่ต้องการของนักสะสมศิลปะอย่างมาก เพื่อนของเขาบางคนถึงกับยกย่องเขาเป็น “จิตรกรที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งศตวรรษ” เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายมากที่ศิลปินผู้โดดเด่นคนนี้ไม่มีโอกาสและเวลาที่ยาวนานในการสร้างผลงานเท่ากับศิลปินดังอีกหลายคน มิฉะนั้นเราอาจได้ชมผลงานที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้ เบรอเคิลเสียชีวิตไปขณะที่อยู่ในช่วงสูงสุดของชีวิตการศิลปินเมื่อปี 1569 ด้วยวัยราว 40 ปีต้นๆเท่านั้น รวมทั้งยังไม่มีโอกาสได้ถ่ายทอดฝีมือการเขียนภาพให้กับลูกชายสองคนเพราะเขาเสียชีวิตไปตอนที่ลูกชายมีอายุเพียง 5 ปีกับ 1 ปีเท่านั้น
แต่พอ Pieter Brueghel the Younger และ Jan Brueghel the Elder ลูกชายทั้งสองคนของเบรอเคิลเติบใหญ่ก็ได้กลายเป็นจิตรกรดังเหมือนกับพ่อโดยมีครูคนแรกเป็นคุณยายของพวกเขาเอง (คือภรรยาของ Pieter Coecke van Aelst ซึ่งเป็นจิตรกรเหมือนกัน) ต่อมาหลานของ Jan Brueghel ที่ชื่อ Jan van Kessel the Elder ก็เป็นจิตรกร รวมทั้งลูกของเขา Jan van Kessel the Younger ก็เป็นจิตรกรด้วยเช่นกัน ตระกูลของเบรอเคิลจึงมีการสืบทอดการเป็นจิตรกรต่อเนื่องกันอย่างยาวนานจนถึงศตวรรษที่ 18 แต่ละคนต่างก็มีสไตล์ของตัวเองที่แตกต่างกันไป แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดยังคงเป็นปีเตอร์ เบรอเคิลผู้เป็นต้นตระกูลซึ่งมักถูกเรียกขานว่า “Peasant Bruegel” (Peasant หมายถึงชาวชนบท) ที่สื่อถึงฝีมือการเขียนภาพวิถีชีวิตชาวชนบทอันยอดเยี่ยมของเขานั่นเอง
ผลงานอันโดดเด่นของศิลปินยุโรปเหนือ
ด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยมกับสไตล์การเขียนภาพและการนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างจากศิลปินอื่นในยุคเดียวกันทำให้ผลงานของเบรอเคิลมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ จากการออกแบบภาพพิมพ์มาสู่การเขียนภาพภูมิทัศน์และภาพวิถีชีวิตชาวชนบทเบรอเคิลได้สร้างผลงานชั้นยอดเอาไว้มากมาย และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานอันโดดเด่นของศิลปินคนสำคัญแห่งยุโรปเหนือผู้นี้
Early Works (1553 – 1556)
Antwerp Period (1556 – 1563)
Brussels Period (1563 – 1569)
ปีเตอร์ เบรอเคิลเป็นศิลปินคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของดัตช์และเฟลมิช (เบลเยียม) ในยุคเรอเนสซองส์ ผลงานภาพเขียนในแนวภาพภูมิทัศน์และวิถีชีวิตแบบชาวชนบทของเขาโดดเด่นมาก เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกและมีส่วนทำให้ภาพเขียนในแนวนี้ได้รับความนิยมจนกลายเป็นธีมสำคัญในการเขียนภาพมานานหลายร้อยปี ผลงานของเบรอเคิลมีอิทธิพลต่อการเข้าสู่ยุคทองแห่งจิตรกรรมของเนเธอร์แลนด์ในช่วงศตวรรษที่ 17 อีกทั้งเขายังได้รับการจดจำในฐานะต้นตระกูลจิตรกรเลื่องชื่อแห่งยุโรปที่มีการสืบทอดยาวนานข้ามศตวรรษ
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, britannica, pieterbruegel.org