แผ่นโซลาร์เซลล์ถูกเคลือบด้วยเรซินและโพลิเมอร์หลายชั้นเพื่อให้แข็งแรงพอสำหรับการรับน้ำหนักรถบรรทุก แต่โปร่งแสงเพียงพอให้แสงอาทิตย์ผ่านไปถึงเซลล์ได้ ผิวหน้าของแผ่นโซลาร์เซลล์ที่สัมผัสกับล้อรถถูกทำให้มีความต้านทานต่อการลื่นไถลเทียบเท่ากับแอสฟัลท์
ปัญหาหลักของโครงการนี้คือเรื่องราคาที่แพงมาก โดยใช้เงินลงทุนไปถึง 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จะแพงกว่าการสร้างหลังคาโซลาร์เซลล์ถึง 13 เท่า ส่วนที่แพงขึ้นหลักๆก็มาจากการเคลือบเรซินนั่นเอง
“เรายังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง การได้เริ่มสร้างในพื้นที่ขนาดนี้จะเป็นโอกาสให้เราได้พัฒนาทั้งเรื่องการผลิตและการติดตั้งแผ่นโซลาร์เซลล์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม” Jean-Charles Broizat ผู้อำนวยการของโครงการกล่าว
Colas ต้องการที่จะลดต้นทุนในการผลิตแผ่นโซลาร์เซลล์ให้ต่ำลงถึงระดับที่แข่งขันได้ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของฝรั่งเศสที่จะทำถนนโซลาร์เซลล์ 1,000 กม. ภายในห้าปีข้างหน้า ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับ 5 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 8% ของประชากรของฝรั่งเศส แต่นั่นก็ขึ้นกับผลการทดลองใช้งานในอีกสองปีต้องได้ผลตามที่ตั้งเป้าไว้ด้วย
เรียกได้ว่าฝรั่งเศสเดิมพันครั้งใหญ่ทีเดียวเพราะลงทุนไปไม่น้อย แต่ไม่ได้มีเพียงฝรั่งเศสเท่านั้นที่จะได้ลุ้นกับผลลัพธ์ของโครงการ เพราะ Colas ยังมีโครงการที่คล้ายๆกันนี้ที่จะเกิดขึ้นในหลายประเทศ เฉพาะปี 2017 มีประมาณ 100 โครงการ
Colas ทำถนนโซลาร์เซลล์ ส่วน Tesla ทำแผ่นหลังคาโซลาร์เซลล์ นี่คงเป็นแนวโน้มหรือทิศทางที่โลกกำลังมุ่งหน้าไป ทุกพื้นที่ที่สัมผัสกับแสงอาทิตย์จะมีนวัตกรรมใหม่ของโซลาร์เซลล์เข้าไปแทนที่
ข้อมูลและภาพจาก sciencealert, wattwaybycolas