ในช่วงแรกจะเป็นการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับ Powerwall 2 และ Powerpack 2 ที่เป็นแบตเตอรี่สำหรับใช้ที่บ้านและธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนเซลล์แบตเตอรี่สำหรับ Model 3 จะเริ่มผลิตในไตรมาสที่สอง และภายในปี 2018 โรงงาน Gigafactory จะผลิตเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนได้ 35 GWh/ต่อปี ซึ่งจะพอๆกับการผลิตของที่อื่นทั่วโลกรวมกัน
เทสลาบอกว่าพวกเขาสามารถเอาชนะการแข่งขันในองค์ประกอบสำคัญสองอย่างในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ คือ ต้นทุนและความหนาแน่นของพลังงาน “เรามีเซลล์แบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในโลก และมันยังถูกที่สุดอีกด้วย” มัสก์ กล่าว
อีลอน มัสก์ ให้ความสำคัญกับการออกแบบโรงงานอย่างมาก “ถ้าเราใช้วิศวกรที่มีความคิดสร้างสรรค์มาออกแบบโรงงาน พวกเขาจะสร้างโรงงานที่สามารถประหยัดต้นทุนได้มากกว่าการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เป็นสิบเท่า” มัสก์ กล่าว “ความพยายามในงานวิศวกรรมของเราคือการสร้างโรงงานให้เหมือนกับมันเป็นสินค้านั่นเอง”
และเมื่อ Gigafactory เสร็จสมบูรณ์มันจะผลิตเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนได้ถึง 150 GWh/ต่อปี ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า 1.5 ล้านคัน โดยเทสลามีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 500,000 ต่อปีภายในปี 2020 ซึ่งพวกเขาก็มีออร์เดอร์รออยู่แล้ว เฉพาะยอดจองล่วงหน้าของ Model 3 ก็เกิน 400,000 คันไปแล้ว
นอกจากนี้การเริ่มไลน์การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ยังสร้างงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ในปี 2017 เทสลาจะจ้างพนักงานโดยตรงราว 6,500 คน และจะมีการจ้างงานทางอ้อมอีก 20,000 – 30,000 คนรอบๆพื้นที่โรงงาน
ข้อมูลและภาพจาก tesla, qz