อาหารประเภทช่วยส่งเสริมการอักเสบได้แก่
- เนื้อแดง
- เนื้อแปรรูป
- เครื่องในสัตว์
- คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวขาว แป้งฟอกสี
- เครื่องดื่มรสหวาน
ส่วนอาหารประเภทต้านการอักเสบได้แก่
- ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม กะหล่ำปลี
- ผักสีเหลือง เช่น ฟักทอง พริกหวาน แครอท
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ลูกเดือย
- ผลไม้ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ ทับทิมสตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และลูกแพร์
- ชา กาแฟ และไวน์แดง
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
- ปลาที่มีกรดไขมันสูง เช่น ทูนา แมกเคอเรล แซลมอน อินทรี กะพง สำลี
โดยในการวิเคราะห์ครั้งนี้นักวิจัยได้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นที่อาจมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นผลของความแตกต่างในการกินอาหารคนละประเภทเท่านั้น เช่น เรื่องน้ำหนักตัว, ความเสี่ยงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม, ความถี่ในการออกกำลังกาย, การรับประทานวิตามิน รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และเรื่องความดันโลหิต
มีการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่นักวิจัยได้ประเมินว่าการกินถั่ววอลนัทร่วมกับอาหารตามปกติจะมีผลต่อตัวบ่งชี้ของการอักเสบทางชีวภาพอย่างไร ผลการวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการกินถั่วเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและช่วยลดคอเลสเตอรอลรวมลง แต่ยังไม่มีการวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ของการกินถั่วกับการลดการอักเสบ นักวิจัยให้ผู้เข้าร่วมจำนวน 634 คนกลุ่มแรกกินอาหารไม่มีวอลนัทอีกกลุ่มหนึ่งกินอาหารมีวอลนัทเป็นประจำวันละ 30 – 60 กรัม หลังจากติดตามผลเป็นเวลา 2 ปีพบว่ากลุ่มที่กินวอลนัทมีระดับการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการทดสอบตัวบ่งชี้ของการอักเสบทางชีวภาพ 6 รายการจากทั้งหมด 10 รายการ
ผลงานวิจัยทั้งสองชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าการเลือกรับประทานอาหารบางประเภทและการหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารบางประเภทสามารถช่วยให้เราลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้ ดังนั้นในการรับประทานอาหารเราต้องดูให้ดีว่าอย่างไหนส่งเสริมการอักเสบอย่างไหนช่วยต้านการอักเสบ เพื่อเราจะได้มีสุขภาพดีและอยู่อย่างมีความสุขไปได้นานๆ