อุปกรณ์ยูเอสบีใหม่ใช้ตรวจวัดระดับเชื้อไวรัสเอชไอวี รู้ผลภายในครึ่งชั่วโมง

การรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะมีความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดระดับเชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือดที่ให้ผลแม่นยำ ตรวจวัดง่าย สะดวกรวดเร็ว รู้ผลภายในครึ่งชั่วโมง

แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์ให้หายขาดได้อย่างรวดเร็ว แต่วิธีรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีการพัฒนาอย่างมากตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้ถ้าผู้ติดเชื้อกินยาต้านไวรัสอย่างเคร่งครัด ภายใต้การดูแลของแพทย์ พวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป

เมื่อเริ่มการรักษาผู้ป่วยจะต้องกินยาต้านไวรัสทุกวันไปตลอดชีวิต แต่บางกรณีก็เกิดการดื้อยาซึ่งอาจทำให้การรักษาล้มเหลวได้ ดังนั้นการตรวจวัดระดับเชื้อไวรัสเอชไอวีในเลือดจึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้แพทย์และผู้ป่วยรู้ว่าการรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ปัจุจุบันเทคนิคการตรวจวัดมีค่าใช้จ่ายสูงและรู้ผลช้า อุปกรณ์ตรวจวัดที่ใช้เทคโนโลยีใหม่จึงถูกพัฒนาขึ้นมาโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน และบริษัท DNAe

hiv-test-usb-stick-2

“การตรวจวัดปริมาณเชื้อไวรัสสำคัญมากต่อความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยเอชไอวี ในขณะนี้การตรวจวัดต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อน มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสองวันถึงจะรู้ผล เราจึงนำงานตรวจวัดที่ต้องใช้อุปกรณ์ขนาดเครื่องถ่ายเอกสารตัวใหญ่ มาใช้กับอุปกรณ์ใหม่ที่ย่อขนาดลงเหลือเท่าแฟลชไดร์ฟตัวเล็กๆ” Graham Cooke นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล กล่าว

การตรวจวัดด้วยเทคโนโลยีใหม่ทำแบบง่ายๆ ไม่ต้องเจาะเลือดจากผู้ป่วยนำไปส่งให้ห้องแล็บทดสอบ ใช้แค่เลือดหยดเดียวหยดไปที่อุปกรณ์ เชื้อไวรัสเอชไอวีจะทำให้ความเป็นกรดเปลี่ยนแปลง ซึ่งชิปในอุปกรณ์จะนำไปแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ค หรืออุปกรณ์มือถืออื่นๆสามารถอ่านค่าผ่านทางพอร์ตยูเอสบี และให้ผลได้ภายในไม่เกินครึ่งชั่วโมง

hiv-test-usb-stick-3

ในการทดสอบด้วยอุปกรณ์ใหม่เมื่อเร็วๆนี้ จำนวน 991 รายการ ให้ผลถูกต้องแม่นยำ 95 เปอร์เซ็นต์ และใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 20 นาที

แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะยังคงเป็นเพียงขั้นเริ่มต้น แต่มันก็สามารถให้ผู้ป่วยใช้ตรวจวัดระดับเชื้อไวรัสในเลือดแบบเดียวกับคนเป็นโรคเบาหวานวัดระดับน้ำตาลในเลือด ยิ่งไปกว่านั้นมันมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ทวีปแอฟริกาซึ่งมีจำนวนราว 39 ล้านคน และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านสาธารณสุข

ขณะนี้ทีมวิจัยกำลังตรวจสอบหาความเป็นไปได้ที่จะใช้อุปกรณ์นี้ในการตรวจสอบหาไวรัสตัวอื่น อย่างเช่น ไวรัสตับอักเสบ

 

ข้อมูลและภาพจาก  imperial, newatlas

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *