ก้าวย่างและพัฒนาการสู่มืออาชีพ
บาร์โตโลเม มูริโย เป็นชาวสเปน เกิดเมื่อปี 1617 ที่เมืองเซบียาซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆของสเปนในยุคนั้น เขาเป็นน้องสุดท้องในพี่น้อง 14 คนของช่างตัดผม-ศัลยแพทย์ผู้มีฐานะดีเป็นที่นับหน้าถือตาในเมืองเซบียา (สมัยนั้นช่างตัดผมมักจะมีอาชีพเป็นศัลยแพทย์ด้วยเนื่องจากความเชี่ยวชาญการใช้มีดโกน) แต่ทั้งพ่อและแม่จากไปในเวลาไล่เลี่ยกันขณะที่เขามีอายุยังไม่ถึง 10 ปี มูริโยจึงเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของพี่สาวกับพี่เขยที่มีอาชีพเป็นช่างตัดผม-ศัลยแพทย์เหมือนกับพ่อ โชคดีที่ญาติหลายคนของมูริโยเป็นจิตรกร เขาจึงมีโอกาสได้สัมผัสกับศิลปะตั้งแต่อายุยังน้อย และพออายุราว 12 ปีเขาก็เริ่มเรียนศิลปะกับ Juan del Castillo จิตรกรมีชื่อในเมืองบ้านเกิด
มูริโยเรียนการเขียนภาพอยู่กับ Castillo ราว 6 ปี จากนั้นจึงพัฒนาฝีมือด้วยการศึกษาผลงานของศิลปินดังรุ่นพี่ชาวสเปนหลายคน เขาได้รับอิทธิพลการเขียนภาพที่มีการใช้แสงและเงาที่ตัดกันอย่างรุนแรงโดยมีพื้นหลังเป็นความมืดจาก Francisco de Zurbarán และ Jusepe de Ribera ผลงานในช่วงแรกๆหลายชิ้นจะมีลักษณะแบบนี้ เช่น ภาพ Joseph and Potiphar’s Wife เป็นต้น ปี 1642 มูริโยย้ายไปอยู่ที่กรุงมาดริดที่ซึ่งเขาได้ทำความเข้าใจกับงานของ Diego Velázquez ศิลปินดังแห่งยุคของสเปนและได้ศึกษาผลงานของ Titian และศิลปินอื่นอีกหลายคนซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อการหล่อหลอมและพัฒนาฝีมือการเขียนภาพจนเข้าขั้นมืออาชีพ ปี 1645 มูริโยกลับมาอยู่ที่เมืองเซบียา แต่งงานมีครอบครัว และเริ่มต้นเป็นจิตรกรอาชีพเต็มตัว
สร้างชื่อเสียงมั่นคงด้วยภาพศาสนา
ในยุคสมัยของมูริโยภาพเขียนทางศาสนาซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในสเปน เพียงปีแรกที่มูริโยมาเริ่มต้นอาชีพที่เมืองบ้านเกิดเขาก็ได้รับงานสำคัญเขียนภาพให้กับโบสถ์ของคณะฟรังซิสกันในเมืองเซบียาถึง 11 ภาพ เขาได้แสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมออกมาจนเป็นที่ยอมรับและยกย่องชื่นชม หลังจากนั้นในอีกหลายทศวรรษต่อมาเขาจึงได้งานเขียนภาพจากทางคริสตจักรอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย สร้างชื่อเสียงให้กับเขาอย่างมั่นคงและค่อยๆขยับขึ้นเป็นจิตรกรแถวหน้าของเมืองเซบียา จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังทัดเทียมกับ Francisco de Zurbarán จิตรกรอันดับหนึ่งแห่งเซบียาคนก่อนที่เริ่มจะโรยราไปตามวัยและยุคสมัย
ผลงานภาพเขียนทางศาสนาของมูริโยมีความโดดเด่นที่รูปร่างหน้าตาที่สวยและงามสง่าของผู้หญิงและทวยเทพ รวมทั้งความสมจริงของภาชนะและองค์ประกอบต่างๆในภาพ และการผสมผสานอย่างกลมกลืนของโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกแห่งจิตวิญญาณ ตลอดจนการให้แสงเงาที่เขาปรับเปลี่ยนจากตัดกันแบบเข้มข้นเหมือนของ Zurbarán มาเป็นให้แสงแบบนุ่มนวลจนเป็นสไตล์ของตัวเองในที่สุด ผลงานสำคัญของมูริโยในช่วงทศวรรษแรกได้แก่ภาพ The Virgin of the Rosary, The Holy Family with a Bird และ The Adoration of the Shepherds เป็นต้น
ผลงานชิ้นเอกจากชีวิตเด็กข้างถนน
ขณะที่มูริโยประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงด้วยภาพเขียนแนวศาสนา เขายังมีผลงานอีกแนวหนึ่งที่แตกต่างไปอย่างมาก แต่กลับโดดเด่นยิ่งกว่านั่นคือภาพเขียนชีวิตประจำวัน ภาพแรกที่เขียนคือภาพ The Young Beggar ซึ่งเขาได้สะท้อนความทุกข์ยากของเด็กที่ถูกทอดทิ้งต้องดูแลตัวเองอยู่ตามข้างถนนในเมืองเซบียาผ่านทางภาพเด็กขอทานที่กำลังหาเหาในภาพนี้ ผลงานชิ้นนี้มีการใช้เทคนิคแสงเงาคล้ายกับงานของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ชาวอิตาลีนาม Caravaggio เป็นอย่างมาก ภาพนี้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเขา และถูกยกย่องเป็นหนึ่งในภาพเขียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสมัยบาโรกของสเปน
มูริโยเขียนภาพชีวิตประจำวันของผู้หญิง เด็ก ขอทาน ฯลฯ ชาวเมืองเซบียา ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเขาเหล่านี้ลงไปในภาพเขียนได้อย่างยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าเขาเขียนภาพในแนวนี้จำนวนไม่มากนักแต่ทุกภาพสร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างยิ่ง มูริโยเขียนภาพชีวิตประจำวันควบคู่ไปกับภาพทางศาสนาที่เป็นงานหลักไปตลอดชีวิตการทำงาน ผลงานที่โดดเด่นในแนวนี้นอกจากภาพ The Young Beggar ยังมีภาพ Two Women at a Window, Boys Eating Grapes and Melon, The Little Fruit Seller, Four Figures on a Step และอีกหลายภาพที่มีเสน่ห์ครองใจผู้ชมมาโดยตลอด
เปิดสถาบันศิลปะแห่งแรกในสเปน
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของศิลปินชาวสเปนที่พอมีชื่อเสียงโด่งดังในท้องถิ่นของตัวเองแล้วจะต้องหาโอกาสไปแสดงฝีมือในเมืองหลวง มูริโยก็เช่นกัน ปี 1658 เขาเดินทางไปกรุงมาดริดและอยู่ที่นั่นถึงสองปี ในระหว่างนั้นเขามีโอกาสได้ศึกษาผลงานชิ้นเอกของ Titian, Peter Paul Rubens และ Anthony van Dyck ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาฝีมือของเขาไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากกลับมาที่เมืองเซบียามูริโยได้ทำงานสำคัญสานฝันของตัวเองร่วมผลักดันก่อตั้งสถาบันสอนศิลปะแห่งแรกในประเทศสเปนเป็นผลสำเร็จ สถาบัน Academia de Bellas Artes (Academy of Fine Arts) ถูกจัดตั้งขึ้นที่เมืองเซบียาในปี 1660 และตัวมูริโยเองดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการคนแรกของสถาบันด้วย
หลังจากทำงานใหญ่เพื่อส่วนรวมสำเร็จมูริโยก็กลับมามุ่งมั่นกับงานเขียนภาพของตัวเองอีกครั้ง และกลายเป็นว่าในช่วงทศวรรษ 1660s ต่อเนื่องถึงทศวรรษ 1670s เขามีผลงานภาพเขียนออกมามากที่สุด โดยผลงานหลักยังคงเป็นภาพทางศาสนาซึ่งมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากมาย ที่โดดเด่นเป็นพิเศษได้แก่ภาพ The Immaculate Conception of Los Venerables ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง รวมทั้งภาพ Christ the Good Shepherd, Adoration of the Magi, Christ healing the Paralytic at the Pool of Bethesda และ St. Justa and St. Rufina นอกจากนี้มูริโยยังได้เขียนภาพเหมือนบุคคลที่งดงามในแบบฉบับของตัวเองอีกไม่น้อย เช่น ภาพ Self-portrait (1670) และ Portrait of Don Justino de Neve เป็นต้น
โด่งดังในต่างแดนยิ่งกว่าที่บ้านเกิด
มูริโยมีลูกศิษย์และผู้ติดตามมากมาย มีจิตรกรเขียนภาพเลียนแบบสไตล์ของเขาเป็นจำนวนมาก ภาพเขียนชีวิตประจำวันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ภาพเหล่านั้นถูกขายให้พ่อค้าและนักสะสมศิลปะในเมืองแอนต์เวิร์ป รอตเตอร์ดัม และลอนดอน ชื่อเสียงของเขาจึงขจรขจายไปทั่วยุโรปโด่งดังมากกว่าศิลปินสเปนคนอื่นทั้งหมด ผลงานชิ้นเอกอย่างภาพ The Young Beggar เคยตกอยู่ในการครอบครองของกษัตริย์ Louis XVI แห่งฝรั่งเศสก่อนจะถูกนำมาจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์จนถึงปัจจุบัน ส่วนภาพ The Immaculate Conception of Los Venerables ก็เคยอยู่ในการครอบครองของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นานเกือบ 100 ปีก่อนจะถูกส่งคืนกลับสเปนเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ปราโด
ในฐานะจิตรกรอันดับหนึ่งแห่งเมืองเซบียามูริโยจึงมีงานชิ้นสำคัญต้องทำอยู่ไม่ว่างเว้น แต่วันหนึ่งในปี 1682 โชคร้ายก็มาเยือนเขา ขณะกำลังเขียนภาพปูนเปียกอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมือง Cádiz มูริโยตกจากนั่งร้านได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิตในวัย 65 ปี ทิ้งผลงานภาพเขียนอันยอดเยี่ยมกว่า 400 ภาพไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม
ผลงานเด่นของผู้ยิ่งใหญ่แห่งสเปน
มูริโยสร้างชื่อจนโด่งดังจากผลงานภาพเขียนทางศาสนาที่ยอดเยี่ยม แต่ภาพเขียนชีวิตประจำวันที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างทั่วยุโรป ส่วนภาพเหมือนของเขาก็มีความงดงามไม่แพ้กัน และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานอันโดดเด่นของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งสเปนคนนี้
Genre Paintings
Portrait & Self Portraits
Religious Paintings
Other Works
บาร์โตโลเม มูริโยได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในศิลปินยุโรปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 เขาเป็นศิลปินคนสำคัญอีกคนหนึ่งนอกเหนือจาก Diego Velázquez และ Francisco de Zurbarán ที่มีส่วนช่วยยกระดับผลงานศิลปะในยุคบาโรกของสเปนให้ขึ้นมาโดดเด่นทัดเทียมกับอิตาลีและเนเธอร์แลนด์
ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, theartstory, artble