เลโอนาร์โด ดาวินชี สุดยอดอัจฉริยะทั้งวิทย์และศิลป์หนึ่งเดียวของโลก

เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เขาคือศิลปินเอกของโลกผู้มีผลงานชั้นยอดที่ตราตรึงประทับใจผู้ชมมากมาย เช่น ภาพเขียน Mona Lisa และ The Last Supper ดาวินชียังเป็นนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญที่มีผลงานอันเป็นรากฐานของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันในหลายสาขา และเป็นนักประดิษฐ์ผู้มีแนวคิดล้ำหน้าคนยุคเดียวกันหลายร้อยปี ดาวินชีได้รับการยกย่องให้เป็น “บุรุษแห่งยุคเรอเนสซองส์” ที่หมายถึงพหูสูตผู้รู้รอบด้านเชี่ยวชาญในหลายวิชา แต่ดาวินชีเป็นบุคคลที่พิเศษยิ่งเพราะสามารถนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ในงานศิลปะได้อย่างยอดเยี่ยม และนำความเชี่ยวชาญด้านศิลปะมาเติมเต็มผลงานด้านวิทยาศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาคือสุดยอดอัจฉริยะทั้งด้านวิทยาศาสตร์และด้านศิลปะอย่างแท้จริง

 
ความอัจฉริยะฉายแววตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึกงาน

ดาวินชีเป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อปี 1452 ที่หมู่บ้าน Vinci ไม่ไกลจากเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะและวิทยาการในยุคนั้น เขาเติบโตที่บ้านเกิดจนอายุได้ 14 ปีจึงถูกส่งไปเป็นเด็กฝึกงานที่สตูดิโอของแวร์รอกกีโอ ศิลปินรุ่นใหญ่ของเมืองฟลอเรนซ์ที่แม้จะไม่ค่อยมีผลงานศิลปะที่โดดเด่นแต่มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน เช่น บอตติเชลลี, กีร์ลันดาโย และเปรูจีโน ที่สตูดิโอแห่งนี้ดาวินชีได้เรียนรู้และฝึกฝนฝีมือหลายอย่าง ทั้งทักษะวิชาช่าง งานเหล็ก งานปูนพลาสเตอร์ งานเครื่องหนัง งานไม้ และทักษะทางศิลปะ การเขียนภาพ การระบายสี ประติมากรรม การสร้างหุ่นจำลอง

ดาวินชีได้เขียนภาพ The Baptism of Christ ร่วมกับแวร์รอกกีโอ และได้แสดงพรสวรรค์ของการเป็นจิตรกรที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าผู้เป็นอาจารย์มาก จนทำให้แวร์รอกกีโอต้องวางแปรงและไม่เขียนภาพอีกเลย พออายุ 20 ปีดาวินชีก็ผ่านคุณสมบัติการเป็นผู้เชี่ยวชาญของสมาคมช่างศิลป์ แต่เขายังอยู่ช่วยงานแวร์รอกกีโออีกระยะหนึ่งก่อนจะออกมาทำสตูดิโอของตัวเองรับงานในฐานะศิลปินมืออาชีพ

Leonardo-da-Vinci-11
The Baptism of Christ

 
 
ศิลปินเอกอันดับหนึ่งของโลกตลอดกาล

ดาวินชีทำงานเป็นศิลปินเขียนภาพอยู่ที่ฟลอเรนซ์หลายปี ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นไว้หลายชิ้น เช่น Portrait of Ginevra de’ Benci และ The Adoration of the Magi ก่อนที่จะไปอยู่ที่เมืองมิลานในปี 1482 ดาวินชีทำงานอยู่ที่มิลานนานถึง 17 ปี พร้อมกับสร้างผลงานชั้นยอดมากมาย รวมทั้ง The Last Supper, Virgin of the Rocks, Lady with an Ermine และ Vitruvian Man ที่เป็นหนึ่งในบรรดาภาพสเก็ตช์อันลือลั่นซึ่งเป็นความสามารถที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากจะมีใครเทียบได้

ปี 1503 ดาวินชีกลับมาอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์อีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ได้สร้างผลงานภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ‘Mona Lisa’ เขาใช้เวลาในการเขียนภาพสุดพิเศษนี้นานหลายปี กระทั่งช่วงปลายของชีวิตที่เขาไปอยู่ที่กรุงปารีสก็ยังหิ้วภาพสุดรักสุดหวงที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไปด้วย ระหว่างปี 1513 – 1516 ดาวินชีไปพักอาศัยอยู่ที่นครวาติกันในกรุงโรมตามคำเชิญของพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ระหว่างนี้ดาวินชีได้เขียนภาพ St. John the Baptist ที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานภาพเขียนชิ้นสุดท้ายของเขา

ด้วยผลงานที่งดงามยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยายมากมายหลายชิ้นทำให้ดาวินชีกลายเป็นสุดยอดศิลปินแห่งยุคเรอเนสซองส์ และยังได้รับความนิยมยกย่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันมิได้เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม ผลงานของดาวินชีที่แสดงอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆดึงดูดผู้คนให้ไปเยี่ยมชมให้เห็นเป็นบุญตาอย่างเนืองแน่นอยู่เสมอ และด้านล่างคือส่วนหนึ่งในผลงานภาพเขียนของดาวินชีที่อยากให้ชื่นชม

Leonardo-da-Vinci-00Mona Lisa

 

Leonardo-da-Vinci-02

The Last Supper

Leonardo-da-Vinci-03

Virgin of the Rocks

Leonardo-da-Vinci-04

Lady with an Ermine

Leonardo-da-Vinci-05

Portrait of Ginevra de’ Benci

Leonardo-da-Vinci-06

Madonna Litta

Leonardo-da-Vinci-07

The Adoration of the Magi

Leonardo-da-Vinci-08

St. John the Baptist

Leonardo-da-Vinci-09

Vitruvian Man

Leonardo-da-Vinci-10

Self-portrait in Red Chalk

Leonardo-da-Vinci-12

Virgin of the Rocks

Leonardo-da-Vinci-13

Annunciation

 
นักวิทยาศาสตร์ผู้มุ่งมั่นค้นคว้ากับบันทึกอันน่าทึ่ง

ดาวินชีมีวิธีในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์แตกต่างจากผู้คนในยุคนั้นที่มักจะเรียนรู้จากการอ่านคัมภีร์ไบเบิลและบันทึกของนักปราชญ์ยุคกรีกและโรมัน แต่เขาใช้วิธีสังเกตจากสิ่งต่างๆรอบตัว ตั้งคำถาม หาคำตอบ และค้นคว้าเจาะลึกในเรื่องที่สนใจเป็นพิเศษ สิ่งที่เขาศึกษาได้รับการบันทึกเป็นข้อความและภาพสเก็ตช์จากฝีมือขั้นเทพของเขาเองจำนวนถึง 13,000 หน้า ซึ่งได้เชื่อมศิลปะและปรัชญาธรรมชาติหรือฟิสิกส์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน จนบางครั้งถูกเรียกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่น่าประทับใจของงานศิลปะ และน่าสนใจอย่างยิ่งที่ข้อความส่วนใหญ่ในบันทึกเป็นการเขียนตัวอักษรกลับด้านแบบภาพในกระจกซึ่งเป็นอีกหนึ่งในความสามารถพิเศษของดาวินชีที่ไม่มีใครเหมือน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความได้เปรียบจากการที่เขาเขียนด้วยมือซ้าย

ดาวินชีเริ่มศึกษากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาสำหรับร่างกายของมนุษย์มาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฝึกงานที่สตูดิโอของแวร์รอกกีโอ เขาศึกษาและวาดภาพกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และส่วนอื่นๆของร่างกายที่มองเห็นจนเชี่ยวชาญ เมื่อเป็นศิลปินมีชื่อเสียงแล้วเขาได้รับอนุญาตให้ผ่าชำแหละศพเพื่อศึกษาอวัยวะภายในที่โรงพยาบาลทั้งในเมืองฟลอเรนซ์, มิลาน และโรม บางช่วงก็ศึกษาร่วมกับนายแพทย์ เขาวาดภาพรายละเอียดของอวัยวะมนุษย์พร้อมข้อความประกอบไว้มากกว่า 240 ภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาด้านการแพทย์ในยุคต่อมา นอกจากนี้ผลจากความเข้าใจในลักษณะสรีระของมนุษย์อย่างลึกซึ้งส่งผลให้งานเขียนภาพบุคคลของดาวินชีมีสัดส่วนที่สวยงามสมจริงที่สุด ภาพเขียน Vitruvian Man ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่เกิดจากการศึกษากายวิภาคมนุษย์ของดาวินชี

da-vinci-anatomy-1

Male Head with Proportion

da-vinci-anatomy-2

Proportions of Head and Eyes

da-vinci-anatomy-3

Shoulder

da-vinci-anatomy-4

Larynx and Leg

da-vinci-anatomy-5

hand

da-vinci-anatomy-6

Arms

da-vinci-anatomy-7

Womans Torso

da-vinci-anatomy-8

Embryo in the Womb

da-vinci-anatomy-9

Torso and the Arms

การศึกษาค้นคว้าของดาวินชีครอบคลุมในหลากหลายสาขาวิชา ได้แก่ กายวิภาคศาสตร์ สัตววิทยา พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา ทัศนศาสตร์ ดาราศาสตร์ อากาศพลศาสตร์ และอุทกพลศาสตร์ อย่างไรก็ดีผลงานด้านวิทยาศาสตร์ของดาวินชีนั้นเป็นการศึกษาค้นคว้าผ่านทางการสังเกตเป็นหลัก เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องมือตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งยังไม่ได้ค้นพบวิชาคณิตศาสตร์ที่จำเป็นสำหรับการคำนวณ แต่ผลงานของเขาถือว่าเป็นการเริ่มต้นวิวัฒนาการทางวิทยาศาตร์และเป็นต้นแบบของการทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ใช้การทดลองและคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือที่ริเริ่มโดยกาลิเลโอเกิดขึ้นหลังยุคของดาวินชีเป็น 100 ปี

 
ยอดนักประดิษฐ์ผู้มีแนวคิดล้ำหน้าเหนือยุค

ในยุคของดาวินชีเมื่อ 500 กว่าปีก่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังมีน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย แต่ดาวินชีเป็นผู้ที่มีแนวคิดและจินตนาการเรื่องสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำยุคมาก เขาได้คิดประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตไว้มากมายหลายอย่าง โดยบันทึกไว้เป็นภาพวาดแสดงแนวคิดอย่างละเอียดพร้อมคำอธิบายประกอบ สิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นบางส่วนถูกสร้างขึ้นจริงภายหลังยุคของดาวินชีหลายร้อยปี บางอย่างยังถูกใช้งานถึงปัจจุบัน สิ่งประดิษฐ์ของดาวินชีมีอยู่จำนวนมากแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้

1. หุ่นยนต์ – อัศวินหุ่นยนต์ (Robotic Knight) ของดาวินชีเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่พิเศษยิ่ง มันสามารถยืนขึ้น นั่งลง ยกแผ่นปิดหน้า และขยับแขนทั้งสองข้างได้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดทำงานด้วยระบบรอกและเชือก แม้ว่าไม่มีการพบภาพวาดเต็มตัวของอัศวินหุ่นยนต์ แต่พบรายละเอียดชิ้นส่วนย่อยของอัศวินกระจัดกระจายอยู่ทั่วบันทึกของเขา แต่หุ่นยนต์แบบแรกของดาวินชีน่าจะเป็นรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-Propelled Cart) ที่ทำงานด้วยสปริง 2 ชุดและกลไกพิเศษสามารถขับเคลื่อนตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้เมื่อครั้งดาวินชีพักอยู่ที่วาติกันเขาได้ประดิษฐ์หุ่นยนต์สิงโต (Lion Robot) ที่เดินไปข้างหน้าได้เองแล้วเปิดหน้าอกโชว์ช่อดอกลิลลี่ถวายแก่พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส

da-vinci-invention-01
Robotic Knight

 

da-vinci-invention-02

Self-Propelled Cart

da-vinci-invention-03

Lion Robot

2. อุปกรณ์การบิน – ดาวินชีสนใจเรื่องทำให้มนุษย์บินได้ตั้งแต่สงสัยว่าทำไมนกถึงบินได้แล้ว เขาได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยให้คนบินได้หลายอย่างตั้งแต่ เครื่องร่อน (Glider), เครื่องบินมีปีกกระพือได้ (Ornithopter) ที่เลียนแบบการบินของนก, สกรูบิน (Aerial Screw) ที่เป็นต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์ และร่มชูชีพ (Parachute)

da-vinci-invention-04

Glider

da-vinci-invention-05

Ornithopter

da-vinci-invention-06

Aerial Screw

da-vinci-invention-07

Parachute

3. อาวุธสงคราม – แม้ว่าดาวินชีจะไม่ใช่ผู้นิยมสงครามแต่ก็ได้คิดประดิษฐ์อาวุธสงครามที่ล้ำสมัยกว่ายุคนั้นไว้หลายชนิดซึ่งถือเป็นงานคิดค้นทางวิศวกรรม ได้แก่ หน้าไม้ยักษ์ (Giant Crossbow) เคลื่อนที่ได้ด้วยล้อ 6 ล้อ, ปืนกล (Machine Gun) มี 3 ชั้นๆละ 11 ลำกล้อง ใช้งานต่อเนื่องกันทีละชั้น ยิง-บรรจุ-รอเย็น, ปืนใหญ่ 3 ลำกล้อง (Triple Barreled Cannon) มีจุดเด่นที่ยิงได้เร็วกว่า เคลื่อนย้ายคล่องตัว, และรถถังหุ้มเกราะ (Armored Tank) ขับเคลื่อนด้วยแรงคน ติดตั้งปืนใหญ่เบารอบตัว เกราะรูปฝาชีทำด้วยไม้เสริมประกบด้วยแผ่นเหล็ก

da-vinci-invention-08

Giant Crossbow

da-vinci-invention-10

Triple Barreled Cannon

da-vinci-invention-09

Machine Gun

da-vinci-invention-11
Armored Tank

 
4. สิ่งประดิษฐ์อื่น – ยังมีสิ่งประดิษฐ์น่าสนใจที่ดาวินชีคิดค้นไว้อีกมากซึ่งล้วนเป็นแนวคิดที่ล้ำยุคทั้งสิ้น ได้แก่ ตลับลูกปืน (Ball Bearing), ชุดดำน้ำ (Diving Suit), เครื่องดนตรี Viola Organista, สะพานชักรอก (Revolving Bridge) ฯลฯ

da-vinci-invention-12

Ball Bearing

da-vinci-invention-15

Viola Organista

da-vinci-invention-13

Diving Suit

da-vinci-invention-14
Revolving Bridge

 
น่าเสียดายที่สิ่งประดิษฐ์ของดาวินชีไม่ได้สร้างขึ้นจริงตอนที่เขายังมีชีวิต มิฉะนั้นโลกเราอาจมีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลกว่าปัจจุบัน หรือบางทีอาจสร้างไม่ได้เพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีในยุคนั้นไม่เพียงพอที่จะทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามหลังจากค้นพบบันทึกของดาวินชีในทศวรรษ 1950 ได้มีการสร้างสิ่งประดิษฐ์หลายอย่างตามแบบของดาวินชี เช่น อัศวินหุ่นยนต์, รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง, เครื่องร่อน และร่มชูชีพ พบว่าสามารถทำงานได้จริงและได้จัดแสดงไว้ตามพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง

da-vinci-invention-16

Robotic Knight

da-vinci-invention-17

Self-Propelled Cart

da-vinci-invention-18

Glider

da-vinci-invention-19

Parachute

 
สุดยอดอัจฉริยะทั้งวิทย์และศิลป์หนี่งเดียวของโลก

ปี 1516 ดาวินชีเดินทางไปกรุงปารีสเพื่อรับตำแหน่งจิตรกรเอกและวิศวกรของราชสำนักฝรั่งเศส ได้พำนักที่ปราสาท Clos Lucé ใกล้กับพระราชวังของกษัตริย์ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของเขา ใช้เวลา 3 ปีสุดท้ายของชีวิตที่นี่กับเพื่อนและลูกศิษย์ ดาวินชีเสียชีวิตในปี 1519 ด้วยวัย 67 ปี ทิ้งผลงานชั้นยอดไว้มากมายทั้งผลงานด้านศิละและด้านวิทยาศาสตร์ ความอัจฉริยะของดาวินชีคงมนต์เสน่ห์ดึงดูดความสนใจของผู้คนต่อเนื่องเสมอมามิเสื่อมคลาย ผู้เชี่ยวชาญยังคงศึกษาและทำความเข้าใจกับบันทึกของเขาอยู่ตลอด ภาพเขียนของเขาถูกวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อค้นหาบางสิ่งที่อาจซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง รวมทั้งความพยายามค้นหาผลงานที่เคยถูกบันทึกไว้แต่หายสาบสูญไป นี่คือลีโอนาร์โด ดาวินชี สุดยอดอัจฉริยะทั้งวิทย์และศิลป์ตัวจริงหนี่งเดียวของโลก

Leonardo-da-Vinci-00



 

ข้อมูลและภาพจาก wikipedia, da-vinci-inventions, leonardoda-vinci.org
 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *