10 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก

10-most-famous-museums-1

พิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานศิลปะของศิลปินในหลากหลายสาขา ทั้งภาพเขียน รูปปั้น และงานแกะสลัก พิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นนอกจากตัวอาคารที่จัดแสดงผลงานจะมีความโดดเด่นด้วยงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน ที่สำคัญอย่างยิ่งคืองานศิลปะที่จัดแสดงจะต้องเป็นผลงานระดับสุดยอด เป็นชิ้นงานมาสเตอร์พีซของศิลปินที่โด่งดังของโลกจำนวนมากมายหลากหลายมาอยู่รวมกัน ที่จะทำให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมและดื่มด่ำลุ่มหลงกับผลงานเหล่านั้นจนแทบจะลืมวันเวลา

และต่อไปนี้คือ 10 สุดยอดพิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด สะสมผลงานศิลปะระดับสุดยอดของโลกไว้มากที่สุด และได้รับความชื่นชอบและดึงดูดใจให้อยากไปเยี่ยมชมจากผู้คนทั่วโลกมากที่สุด
 

1. Musée du Louvre : Paris, France

musee-du-louvre-1

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซนใจกลางกรุงปารีส จัดแสดงงานศิลปะจากหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบันกว่า 35,000 ชิ้น เดิมเป็นพระราชวังของกษัตริย์ฝรั่งเศส ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 1793 ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีพีระมิดแก้วที่สร้างขึ้นในปี 1989 เพื่อใช้เป็นประตูทางเข้าชั้นใต้ดิน มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่จดจำจนกลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์

musee-du-louvre-2

งานศิลปะที่ดึงดูดใจผู้คนให้หลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมที่นี่คือ ภาพเขียนโมนาลิซา (Mona Lisa) ผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด ดา วินชี รอยยิ้มมุมปากอันทรงเสน่ห์ของเธอคือส่วนหนึ่งที่ทำให้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก (กว่า 9 ล้านคนในปี 2014)

musee-du-louvre-3โมนาลิซา (Mona Lisa)

 

มีภาพเขียนระดับมาสเตอร์พีซที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์อีกมากมายนับร้อยภาพจากศิลปินชื่อดัง โดยเฉพาะในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) เช่น Madonna of the Rocks ของเลโอนาร์โด ดา วินชี, The Bather ของฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์, Psyche and Amor ของฟร็องซัว เฌราร์, Liberty Leading the People ของเออแฌน เดอลาครัว, The Coronation of Napoleon ของฌาค-หลุยส์ ดาวิด, Madonna of Chancellor Rolin ของยัน ฟัน ไอก์, Bathsheba at Her Bath ของแรมบรันต์, Joseph the Carpenter ของฌอร์ฌ เดอ ลา ตูร์, Grande Odalisque ของ ฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นงานระดับสุดยอดที่ได้ชมแล้วจะสุดแสนประทับใจ เฉพาะภาพเขียนอย่างเดียวดูกันทั้งวันก็ยังไม่หมด

musee-du-louvre-4

Madonna of the Rock

musee-du-louvre-5

The Bather

musee-du-louvre-6

Psyche and Amor

musee-du-louvre-7

Portrait of Louis XIV

musee-du-louvre-8

Liberty Leading the People

musee-du-louvre-9

The Coronation of Napoleon

musee-du-louvre-10

Madonna of Chancellor Rolin

musee-du-louvre-11

Bathsheba at Her Bath

musee-du-louvre-12

Joseph the Carpenter

musee-du-louvre-13

Grande Odalisque

งานศิลปะที่โด่งดังมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งคือ วีนัส เดอมิโล (Venus de Milo) งานประติมากรรมจากยุคกรีกราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช แกะสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพีวีนัสที่เป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงามของกรีก วีนัส เดอมิโลถูกพบจากซากปรักหักพังของเมืองโบราณบนเกาะมิโลเมื่อปี 1820 เป็นรูปเปลือยที่แสดงสรีระและกล้ามเนื้อได้สมบูรณ์แบบ มีส่วนสัดของร่างกายและการจัดวางท่วงท่างดงามยิ่ง

musee-du-louvre-14วีนัส เดอมิโล (Venus de Milo)

 

อีกไฮไลท์หนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นประติมากรรมหินอ่อน Winged Victory of Samothrace เป็นรูปแกะสลักของเทพีไนกี้เทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีก สร้างขึ้นราว 190 ปีก่อนศริสต์ศักราช เป็นเทพีไนกี้ที่งามสง่ามากและมีปีกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (รองเท้าดังนำชื่อไปใช้ พร้อมทั้งเครื่องหมายที่ดัดแปลงจากปีกของเทพีไนกี้)

musee-du-louvre-15Winged Victory of Samothrace

 

นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะเลื่องชื่อให้ชมอีกมากมาย เช่น Psyche Revived by Cupid’s Kiss, Michelangelo’s Dying Slave, Law Code of Hammurabi รวมถึงห้องนโปเลียนและวัตถุโบราณอียิปต์ ถ้าจะชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์กันแบบเต็มอิ่มจุใจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน

musee-du-louvre-16

Psyche Revived by Cupid’s Kiss

musee-du-louvre-17

Michelangelo’s Dying Slave

musee-du-louvre-18

Law Code of Hammurabi

musee-du-louvre-19ห้องนโปเลียน

 

2. State Hermitage Museum : Saint Petersburg, Russia

state-hermitage-museum-1

พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ก่อตั้งเมื่อปี 1754 โดยจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 (Catherine the Great) เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่ปี 1852 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง สะสมงานศิลปะไว้กว่า 3 ล้านชิ้นซึ่งมากที่สุดในโลก และยังเป็นการสะสมภาพเขียนไว้มากที่สุดอีกด้วย ชิ้นงานศิลปะจัดแสดงในอาคารหกหลัง อาคารหลักคือพระราชวังฤดูหนาวที่เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งรัสเซีย ด้านหลังพระราชวังเป็นท่าเรือ ด้านหน้าก็คือ Palace Square ที่มีเสาหินอเล็กซานเดอร์เป็นสัญญลักษณ์

state-hermitage-museum-2

สิ่งแรกที่ผู้มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจจะต้องชมให้ได้คือภาพเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชี สองภาพ ได้แก่ The Madonna and Child (The Litta Madonna) กับ Madonna and Child with Flowers (Benois Madonna) ภาพแรกดูเหมือนจะเป็นภาพยอดนิยมสูงสุดของที่นี่

state-hermitage-museum-3The Madonna and Child (The Litta Madonna)

 

state-hermitage-museum-4Madonna and Child with Flowers (Benois Madonna)

 

และที่นี่ก็มีภาพเขียนระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินชื่อดังท่านอื่นอีกมากมายคับคั่ง Flora ของแรมบรันต์, The Holy Family ของราฟาเอล, Judith ของจอร์โจเน, Portrait of a Young Woman ของทิเชียน, Lute-Player ของการาวัจโจ, Portrait of the Actress Antonia Zarate ของฟรานซิสโก โกยา, Portrait of Lady-in-Waiting to the Infanta Isabella ของปีเตอร์ พอล รูเบนส์, Absinthe Drinker ของปีกัสโซ, The Dessert: Harmony in Red (The Red Room) ของอองรี มาติส, Woman in a Garden ของโกลด มอแน, White House at Night ของแวนโก๊ะ ภาพเหล่านี้คือบางส่วนในบรรดาภาพชั้นยอดของพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ

state-hermitage-museum-5

Flora

state-hermitage-museum-6

The Holy Family

state-hermitage-museum-7

Judith

state-hermitage-museum-8

Portrait of a Young Woman

state-hermitage-museum-10

Portrait of the Actress Antonia Zarate

state-hermitage-museum-11

Portrait of Lady-in-Waiting to the Infanta Isabella

state-hermitage-museum-9

Lute-Player

state-hermitage-museum-12

Absinthe Drinker

state-hermitage-museum-13

The Dessert: Harmony in Red (The Red Room)

state-hermitage-museum-14

Woman in a Garden

state-hermitage-museum-15

White House at Night

งานประติมากรรมของที่นี่ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน มีงานแกะสลักหินอ่อนที่งดงามน่าทึ่งมากมาย เช่น Crouching Boy ของไมเคิลแองเจโล, Cupid and Psyche และ The Three Graces ของอันโตนีโอ คาโนวา เป็นต้น และมีผลงานที่โดดเด่นได้รับความสนใจอย่างมากคือ The Peacock Clock งานประดิษฐ์หุ่นยนต์ชุบทองรูปนกยูง ไก่ และนกฮูก ที่งดงามมาก เมื่อถึงเวลาที่กำหนดนกยูงจะรำแพนหางที่สวยงามของมันให้ชมอีกด้วย

state-hermitage-museum-16

Crouching Boy

state-hermitage-museum-17

Cupid and Psyche

state-hermitage-museum-18

The Three Graces

state-hermitage-museum-19The Peacock Clock

 

ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ก็เป็นผลงานศิลปะชั้นยอด ด้วยงานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่หรูหราโออ่าอลังการงานสร้าง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซีย เริ่มตื่นตะลึงกันตั้งแต่บันไดทางเข้าอาคาร The Jordan staircase จนถึงภายในห้องต่างๆและทางเดินเชื่อม เช่น Knight’s Hall, Gold Room ฯลฯ ล้วนตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Raphael Loggias ที่เป็นผลงานของราฟาเอล ได้รับการยกย่องให้เป็นระเบียงที่สวยที่สุดในโลก จนบางคนมัวแต่เพลิดเพลินกับการชมความสวยงามของอาคารจนหมดเวลาอดดูงานศิลปะอื่นที่ตั้งใจมาดูไปเลยก็มี

state-hermitage-museum-20The Jordan Staircase

 

state-hermitage-museum-21The Raphael Loggias

 

3. Vatican Museums : Vatican City (Rome), Italy

vatican-museums-1

พิพิธภัณฑ์วาติกัน ตั้งอยู่ที่นครรัฐวาติกันในกรุงโรม อยู่ติดกับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16 โดยพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 สะสมผลงานศิลปะไว้จำนวนมากโดยพระสันตะปาปาตลอดหลายศตวรรษ มีทั้งงานประติมากรรมคลาสสิกเลื่องชื่อและงานมาสเตอร์พีซยุคเรอเนสซองส์ที่โดดเด่นมากมาย มีชิ้นงานศิลปะสะสมไว้ราว 70,000 ชิ้น จัดแสดงอยู่ราว 20,000 ชิ้น มีห้องแสดงงานศิลปะ 54 ห้อง เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีงานประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นสะดุดตาคือ Sphere Within Sphere

vatican-museums-2

ไฮไลท์ของที่นี่คือโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) ที่บนเพดานโบสถ์มีภาพเขียนปูนเปียก (Fresco) ขนาดใหญ่ 40 x 14 เมตร เป็นผลงานชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโล หัวใจของภาพเขียนอยู่บริเวณกลางเพดานเป็นฉากเก้าฉากจากพระธรรมปฐมกาล ภาพตรงกลางสุดคือภาพ Creation of Adam เป็นผลงานสุดยอดของไมเคิลแองเจโล ที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาแบบเดียวกับกับ “โมนาลิซา” ของเลโอนาร์โด ดา วินชี ภาพเขียนบนเพดานโบสถ์น้อยซิสตินเป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคเรอเนสซองส์ บนผนังทุกด้านก็เป็นภาพปูนเปียกที่สวยงามยิ่งเช่นกัน โดยฝีมือของศิลปินชั้นนำของยุคนั้นหลายท่าน เช่น ภาพ Trials of Moses ของซันโดร บอตตีเชลลี, The Delivery of the Keys ของเปียโตร เปรูจิโน

vatican-museums-3โบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel)

 

vatican-museums-4เพดานโบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel ceiling)

 

vatican-museums-5Creation of Adam

 

vatican-museums-6Trials of Moses

 

vatican-museums-7The Delivery of the Keys

 

อีกไฮไลท์หนึ่งคือห้องราฟาเอล (Raphael Rooms) เป็นห้องรับรองสี่ห้องของพระราชวังวาติกัน ภายในห้องมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเฟรสโกหรือภาพปูนเปียก เขียนโดยราฟาเอลและผู้ช่วยของเขา ห้องสำคัญคือห้อง Room of the Signatura ที่ส่วนใหญ่เป็นผลงานของราฟาเอลเอง ห้องนี้มีผลงานชิ้นเอกของราฟาเอลคือภาพ The School of Athens เป็นภาพแสดงสัจจะที่ได้จากการหาเหตุผล กลางภาพเป็นเพลโตกำลังถกเถียงกับอริสโตเติลผู้เป็นลูกศิษย์ รายล้อมไปด้วยนักปราชญ์คนสำคัญในยุคสมัยกรีก ถือเป็นภาพที่เป็นศูนย์รวมที่สมบูรณ์แบบของจิตวิญญาณในยุคเรอเนสซองส์

vatican-museums-8ห้องราฟาเอล (Raphael Rooms)

 

vatican-museums-9The School of Athens

 

จุดที่พลาดไม่ได้อีกแห่งคือการชมบันไดเวียน (Spiral Staircase) ที่สวยงามอย่างยิ่ง ออกแบบและสร้างโดย Giuseppe Momo เมื่อปี 1932 เป็นหนึ่งในบันไดที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในโลก

vatican-museums-10Spiral Staircase

 

นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะชั้นเยี่ยมให้ชมอีกเพียบ ทั้งงานแกะสลักหินอ่อนที่งดงาม ภาพเขียนของศิลปินชื่อดัง เช่นภาพ St. Jerome in Wilderness ของเลโอนาร์โด ดา วินชี, Transfiguration ของราฟาเอล, Entombment ของการาวัจโจ, madonna and child with saints ของเปียโตร เปรูจิโน เป็นต้น รวมทั้งศิลปะกรีกและอียิปต์โบราณด้วย

vatican-museums-11“New Wing” บริเวณที่จัดแสดงงานประติมากรรมยุคกรีกและโรมัน

 

vatican-museums-12

St. Jerome in Wilderness

vatican-museums-13

Transfiguration

vatican-museums-14

Entombment

vatican-museums-15

madonna and child with saints

และเมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์วาติกันก็จะได้ชมแนวเสาระเบียงยาวโค้งที่ลานหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ฝีมือการออกแบบของจัน โลเรนโซ แบร์นีนี ที่สวยสง่าอลังการ และตัวมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่มีโดมเป็นสัญญลักษณ์จากฝีมือการออกแบบของไมเคิลแองเจโล โดยเฉพาะภายในมหาวิหารมีผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของไมเคิลแองเจโล คือ Pieta งานแกะสลักหินอ่อนรูปพระเยซูกับพระแม่มารี ซึ่งเป็นรูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง

vatican-museums-16แนวเสาระเบียงหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

 

vatican-museums-17Pieta

 

4. Metropolitan Museum of Art : New York, USA

metropolitan-museum-of-art-1

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน หรือ The Met เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางตะวันออกของเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์ก เป็นเจ้าของงานศิลปะกว่า 2 ล้านชิ้นจากสมัยคลาสสิก อียิปต์โบราณ ภาพเขียนและงานแกะสลักจากยุโรป งานศิลปะของชาวอเมริกันและงานศิลปะสมัยใหม่ รวมทั้งงานศิลปะของอัฟริกา เอเชีย โอเชียเนีย ไบแซนไทน์ อินเดีย และอิสลาม

metropolitan-museum-of-art-2

งานศิลปะที่เป็นไฮไลท์ของ The Met คือภาพเขียนชิ้นเอกของศิลปินเลื่องชื่อที่จัดแสดงอยู่ที่นี่จำนวนมาก ภาพเขียนยอดนิยมเป็นผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ 2 ภาพ คือ Wheat Field with Cypresses และ Self-Portrait with Straw Hat

metropolitan-museum-of-art-3Wheat Field with Cypresses

 

metropolitan-museum-of-art-4Self-Portrait with Straw Hat

 

ภาพเขียนของศิลปินท่านอื่นก็ล้วนแต่เป็นผลงานชั้นยอดทั้งสิ้น เช่น The Harvesters ของปีเตอร์ เบรอเคิล, Woman with a Parrot ของกุสตาฟว์ กูร์แบ, Madame Louis Joachim Gaudibert ของโกลด มอแน, The Death of Socrates ของ ฌาค-หลุยส์ ดาวิด, The Musicians ของการาวัจโจ, Young Woman with a Water Pitcher ของ โยฮัน เฟอร์เมร์, Manuel Osorio Manrique de Zuñiga ของฟรานซิสโก โกยา, Portrait of Madame X ของจอห์น ซิงเกอร์ ซาร์เจนท์, Self-Portrait (1660) ของแรมบรันต์ และอีกมากมายจาระไนไม่หมด

metropolitan-museum-of-art-5

The Harvesters

metropolitan-museum-of-art-6

Woman with a Parrot

metropolitan-museum-of-art-9

Madame Louis Joachim Gaudibert

metropolitan-museum-of-art-7

The Death of Socrates

metropolitan-museum-of-art-8

The Musicians

metropolitan-museum-of-art-10

Young Woman with a Water Pitcher

metropolitan-museum-of-art-11

Manuel Osorio Manrique de Zuñiga

metropolitan-museum-of-art-12

Portrait of Madame X

metropolitan-museum-of-art-13

Self-Portrait (1660)

งานศิลปะอื่นก็ยอดเยี่ยม เป็นไฮไลท์ที่ผู้มาเยือนจะไม่ยอมพลาดชมเด็ดขาดเช่นกัน วิหารอียิปต์โบราณ The Temple of Dendur, รูปสลักหินสมัยเมโสโปเตเมีย Human-headed winged bull and winged lion (lamassu), รูปหล่อสัมฤทธิ์เคลือบทอง Buddha Maitreya (Mile), รูปแกะสลักหินอ่อน Ugolino and His Sons, งานศิลปะโมเสก Tiffany garden landscape and fountain และงานศิลปะอีกหลากหลายรูปแบบจากทั่วโลกที่มาอยู่รวมกันที่นี่

metropolitan-museum-of-art-14

The Temple of Dendur

metropolitan-museum-of-art-15

Human-headed winged bull and winged lion (lamassu)

metropolitan-museum-of-art-16

Buddha Maitreya (Mile)

metropolitan-museum-of-art-17

Ugolino and His Sons

metropolitan-museum-of-art-18

Tiffany garden landscape and fountain

 

5. National Gallery of Art : Washington D.C., USA

national-gallery-washington-1

หอศิลป์แห่งชาติ (วอชิงตัน ดี.ซี.) ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1938 โดยสภาคองเกรส ได้รับบริจาคเงินในการก่อสร้างและผลงานศิลปะสำคัญจำนวนมากจากชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงหลายคน ทำให้หอศิลป์แห่งนี้เป็นเจ้าของงานศิลปะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาคารตะวันตกจัดแสดงภาพเขียนและประติมากรรมยุโรปยุคกลาง อาคารตะวันออกจัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ ด้านนอกอาคารมีสวนขนาดใหญ่จัดแสดงงานประติมากรรมร่วมสมัย

national-gallery-washington-2

จุดเด่นของหอศิลป์แห่งนี้คือเป็นที่รวมของภาพเขียนชั้นยอดของศิลปินชื่อดังเกือบครบทุกคน ภาพเขียนชิ้นเดียวที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาของเลโอนาร์โด ดา วินชี คือภาพ Ginevra de’ Benci จัดแสดงอยู่ที่นี่ ภาพ Self-Portrait (1889) หนึ่งในภาพชุดที่โด่งดังของวินเซนต์ แวนโก๊ะก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

national-gallery-washington-3Ginevra de’ Benci

 

national-gallery-washington-4Self-Portrait (1889)

 

ภาพ The Annunciation ของยัน ฟัน ไอก์, Marchesa Brigida Spinola Doria ของปีเตอร์ พอล รูเบนส์, Self-Portrait (1659) ของแรมบรันต์, Woman Holding a Balance ของโยฮัน เฟอร์เมร์, Young Girl Reading ของฌ็อง-ออนอเร ฟรากอนาร์, The Emperor Napoleon in His Study at the Tuileries ของฌาค-หลุยส์ ดาวิด, The Railway ของเอดัวร์ มาแน, The Japanese Footbridge ของโกลด มอแน สุดยอดภาพเขียนเหล่านี้ล้วนจัดแสดงที่อาคารตะวันตกทั้งสิ้น

national-gallery-washington-5

The Annunciation

national-gallery-washington-6

Marchesa Brigida Spinola Doria

national-gallery-washington-7

Self-Portrait (1659)

national-gallery-washington-8

Woman Holding a Balance

national-gallery-washington-9

Young Girl Reading

national-gallery-washington-10

The Emperor Napoleon in His Study at the Tuileries

national-gallery-washington-11

The Railway

national-gallery-washington-12

The Japanese Footbridge

งานศิลปะสมัยใหม่ที่อาคารตะวันออกก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน มีทั้งภาพเขียน เช่น ภาพ Family of Saltimbanques ของปาโบล ปีกัสโซ, The Open Window ของอองรี มาติส, Number 1 (Lavender Mist) ของแจ็กสัน พอลล็อก รวมทั้งประติมากรรมที่โดดเด่นอีกมากมาย เช่น Vertical Constellation with Bomb ของอเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ เป็นต้น

national-gallery-washington-13

Family of Saltimbanques

national-gallery-washington-14

The Open Window

national-gallery-washington-15

Number 1 (Lavender Mist)

national-gallery-washington-16Vertical Constellation with Bomb

 

ส่วน Sculpture Garden ที่ด้านนอกอาคารเป็นสวนขนาด 25,000 ตารางเมตร จัดแสดงงานประติมากรรมขนาดใหญ่ของศิลปินร่วมสมัยที่โด่งดังหลายท่าน ตรงกลางเป็นน้ำพุและลานสเก็ตที่เปิดให้ผู้คนมาใช้บริการในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องถึงฤดูใบไม้ผลิ

national-gallery-washington-17

< ต่อหน้า 2 >

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *