แต่มีน้ำที่บริเวณหนึ่งใต้มหาสมุทรแปซิฟิกเหนือลึกลงไประหว่าง 1 ถึง 2.5 กม. ถูกกักเอาไว้ไม่ได้ไหลไปที่อื่นหรือแม้กระทั่งขึ้นมาบนพื้นผิวมหาสมุทรมาเป็นเวลานานแสนนาน ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (UNSW) ได้ทำการศึกษาหาอายุของน้ำในบริเวณดังกล่าวจากคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุอย่างน้อย 1,500 ปี แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้
ทีมวิจัยได้ศึกษาและวิเคราะห์ลักษณะภูมิประเทศของบริเวณดังกล่าว และพบว่าขอบเขตของ Shadow Zone เป็นพื้นเอียงและผาชันลึกลงไปจนถึงพื้นทะเลข้างล่าง มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะหรือหุบเหวใต้มหาสมุทร มีขนาดกว้าง 2,000 กม. ยาว 6,000 กม. (เนื้อที่ใหญ่กว่าทวีปยุโรปเล็กน้อย) และพื้นด้านล่างขรุขระมาก ลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้น้ำที่ระดับลึกๆไม่สามารถไหลเวียนขึ้นถึงพื้นผิวด้านบนได้
“ลักษณะความชันของพื้นทะเลบังคับให้น้ำที่ระดับต่ำกว่า 4 กม.ไหลไปทางทิศเหนือ และไหลกลับมาทางทิศใต้ที่ระดับต่ำกว่า 2.5 กม. หมุนวนเป็นวง” ทีมวิจัยอธิบาย
เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศของ Shadow Zone ที่กักน้ำเอาไว้จนแทบไม่เคยขึ้นไปถึงพื้นผิวมหาสมุทร น้ำใน Shadow Zone จึงมีความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำมากเมื่อเทียบกับน้ำทะเลระดับที่สูงกว่า แต่สิ่งมีชีวิตยังอาศัยอยู่ได้
“มันไม่ได้เป็นเขตที่มีสิ่งมีชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเขตปลอดสิ่งมีชีวิต” Casimir de Lavergne นักสมุทรศาสตร์จาก UNSW กล่าว
นักวิจัยบอกว่าที่มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแอนตาร์กติกไม่มีบริเวณที่เป็น Shadow Zone แต่ที่มหาสมุทรอินเดียมี ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้แหล่งน้ำจืดจากทวีปแอนตาร์กติกา แต่น้ำไม่ได้หยุดนิ่งมากเท่า Shadow Zone ที่มหาสมุทรแปซิฟิก
ตอนนี้เรารู้ลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้นใต้มหาสมุทรแล้ว แต่นักวิจัยยังต้องการค้นคว้าต่อไปว่ามันมีความสำคัญต่อระบบมหาสมุทรโดยรวมอย่างไร
“นอกจาก Shadow Zone อันโดดเดี่ยวแห่งนี้ได้กักเก็บน้ำเอาไว้นับพันปีแล้ว มันยังกักเก็บสารอาหารและคาร์บอนซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถของมหาสมุทรที่จะมีอิทธิพลต่อสภาพภูมิอากาศตลอดมา” Ryan Holmes นักสมุทรศาสตร์อีกคนหนึ่งอธิบาย “ดังนั้นขณะที่งานวิจัยอาจจะให้คำตอบของปัญหาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับน้ำในทะเลลึก มันก็อาจจะเปิดประตูสู่คำตอบของอีกหลายคำถามที่สัมพันธ์กับผลกระทบในอนาคตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศของมหาสมุทรส่วนใหญ่ของเรา”
ข้อมูลและภาพจาก inverse, sciencealert